เมื่อพูดถึงมัทฉะในปัจจุบัน เราจะเห็นว่าความนิยมได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและแพร่หลายไปในทุกวงการ โดยเฉพาะในคาเฟ่และร้านขนมหวานระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นเมนูเครื่องดื่มสีเขียวสวยงามอย่างมัทฉะลาเต้ ไปจนถึงชีสเค้กและไอศกรีมรสชาติเข้มข้น เราจะสังเกตเห็นว่าหลายร้านเลือกใช้คำว่า “อูจิมัทฉะ” (Uji Matcha) เพื่อชูเป็นจุดเด่นในการสร้างสรรค์เมนูเหล่านี้ ด้วยความที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและแหล่งที่มาของวัตถุดิบมากขึ้น ทำให้อูจิมัทฉะได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้งในเรื่องของรสชาติและคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพ แล้วเคยสงสัยกันบ้างไหม? ทำไมถึงต้องเป็นอูจิมัทฉะ ไม่ใช่มัทฉะจากที่อื่น? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ พร้อมเจาะลึกถึงตัวตนของราชาแห่งชาเขียวญี่ปุ่น และค้นพบ “9 ประโยชน์ของอูจิมัทฉะ” ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน อ่านจบแล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมการดื่มชาชนิดนี้ถึงเป็นมากกว่าแค่การดื่มเครื่องดื่ม แต่คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในทุก ๆ วัน
- ทำไมต้องอูจิมัทฉะ (Uji Matcha)?
- 9 ประโยชน์ของอูจิมัทฉะ (Uji Matcha)
- 1. สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัยระดับเซลล์
- 2. ผ่อนคลาย มีสมาธิ ด้วย “แอล-ธีอะนีน” (L-Theanine)
- 3. เพิ่มประสิทธิภาพสมองและความจำ
- 4. เพิ่มอัตราการเผาผลาญ ช่วยดูแลรูปร่าง
- 5. ดีท็อกซ์ร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ
- 6. เสริมเกราะป้องกันให้ระบบภูมิคุ้มกัน
- 7. ตัวช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ
- 8. เคล็ดลับผิวสวยจากภายใน
- 9. ปลุกพลังงานสดชื่น ไม่ใจสั่น
- ดื่มอูจิมัทฉะ (Uji Matcha) อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด?
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “ประโยชน์ของอูจิมัทฉะ (Uji Matcha)” (FAQ)
- กำลังมองหาอูจิมัทฉะคุณภาพ? แนะนำแหล่งซื้อสำหรับคุณ
ทำไมต้องอูจิมัทฉะ (Uji Matcha)?
ก่อนที่เราจะไปดูประโยชน์ด้านสุขภาพ เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าทำไมชื่อของ “อูจิมัทฉะ” ถึงได้กลายเป็นคำการันตีคุณภาพที่ทำให้มัทฉะจากแหล่งนี้แตกต่างและเหนือกว่ามัทฉะทั่วไป

หลายคนอาจเข้าใจว่า “อูจิ” คือชื่อเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ในโลกของชาญี่ปุ่น “อูจิ” มีความหมายที่มากกว่านั้น เมืองอูจิเป็นเมืองสำคัญในจังหวัดเกียวโตที่มีบทบาทในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 1,000 ปี และเป็นแหล่งผลิตชาที่สำคัญที่สุดของประเทศ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เมื่อพระภิกษุเอไซ (Eisai) ได้นำเมล็ดชาและวิธีการบดชาจากจีนมายังญี่ปุ่น มัทฉะจึงกลายเป็นชาชนิดแรก ๆ ที่ถูกเผยแพร่และดื่มกันในหมู่ชนชั้นสูง
ในปัจจุบัน นิยามของ “ชาอูจิ” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ชาที่ปลูกในเมืองอูจิเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงใบชาที่ปลูกใน 4 จังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ เกียวโต, นาระ, ชิกะ และมิเอะ โดยเงื่อนไขสำคัญคือใบชาเหล่านั้นจะต้องถูกนำมาผ่านกระบวนการผลิตตามแบบฉบับดั้งเดิมของอูจิ ทำให้ชาอูจิยังคงรักษามาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพมาจนถึงทุกวันนี้
แหล่งผลิตมัทฉะที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
ความยิ่งใหญ่ของอุจิมัทฉะไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ แต่ยังสะท้อนผ่านตัวเลขการผลิตที่ชัดเจน จากข้อมูลในปี 2018 ประเทศญี่ปุ่นผลิต “เท็นฉะ” (Tencha) ซึ่งเป็นใบชาดิบที่ใช้สำหรับทำมัทฉะได้ทั้งหมด 3,660 ตัน ในจำนวนนี้ หนึ่งในสามของผลผลิตมาจากจังหวัดเกียวโตเพียงจังหวัดเดียวถึง 1,200 ตัน และเมื่อรวมกับผลผลิตจากจังหวัดนาระ (250 ตัน), ชิกะ (50 ตัน) และมิเอะ (150 ตัน) ตามนิยามของชาอูจิแล้ว จะเห็นได้ว่ามัทฉะที่มาจากแถบอูจินั้นมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งประเทศเลยทีเดียว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอูจิมัทฉะถูกผลิตมาจากแหล่งมัทฉะที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในญี่ปุ่น

ชื่อเสียงของอูจิมัทฉะ เกิดจากการรักษาคุณภาพอย่างเข้มข้นจนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ ในงานเทศกาลชาระดับชาติของญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นปีละครั้ง จะมีการประกวดคุณภาพชา โดยมัทฉะจะถูกประเมินตั้งแต่สภาพที่เป็นใบชาเท็นฉะใน 5 ด้าน คือ ลักษณะภายนอก, กลิ่น, สีของน้ำชา, รสชาติ และสีของน้ำจากกากชา ในการประกวดครั้งที่ 73 ชาเท็นฉะจากเกียวโตสามารถคว้ารางวัลมาได้ถึง 5 จาก 6 รางวัล และเมืองอูจิยังได้รับรางวัล “แหล่งผลิตชาดีเด่นอันดับ 1” ไปครองอีกด้วย ชัยชนะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้เป็นเครื่องพิสูจน์และตอกย้ำถึงความเป็นเลิศด้านคุณภาพ
“รสอูมามิ” เอกลักษณ์ที่หาตัวจับยาก
หากจะพูดถึงสิ่งที่ทำให้รสชาติของอุจิมัทฉะโดดเด่นและแตกต่างจากมัทฉะทั่วไป สิ่งนั้นคือ “รสอูมามิ” (Umami) หรือรสกลมกล่อม ซึ่งเป็นรสชาติที่ 5 นอกเหนือจาก เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม รสอูมามิในมัทฉะเกิดจากปริมาณกรดอะมิโน L-Theanine ที่มีอยู่สูง ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากกรรมวิธีการปลูกชาในที่ร่ม (Shade-grown) ก่อนการเก็บเกี่ยว

รสอูมามิที่เข้มข้นนี้จะช่วยลดทอนความขมฝาดของชาลง ทำให้เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล ชุ่มคอ และมีรสหวานอ่อน ๆ ติดปลายลิ้น ยิ่งเป็นมัทฉะเกรดสูงเท่าไหร่ รสอูมามิก็จะยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ ความพิเศษยังอยู่ที่ฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ (Tea Master) ในการเบลนด์ชาสายพันธุ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่สมดุลและสมบูรณ์แบบที่สุด
คัดสรรเฉพาะยอดอ่อนจากฤดูเก็บเกี่ยวแรก

อูจิมัทฉะเกรดพิธีชงชา (Ceremonial Grade) ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพสูงสุด จะถูกคัดสรรมาจากยอดอ่อน 3 ใบบนสุดของต้นชา จากการเก็บเกี่ยวครั้งแรกของปี หรือที่เรียกว่า “อิจิบันฉะ” (Ichibancha/First Flush) เท่านั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ต้นชาได้สะสมสารอาหารไว้ตลอดฤดูหนาว ทำให้ยอดชาที่ผลิออกมาใหม่มีความสมบูรณ์ที่สุด มีสีเขียวสว่างสวยงาม มีกลิ่นหอมละมุน และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะ L-Theanine ที่ทำให้เกิดรสอูมามิ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมัทฉะเกรดสูงจึงมีรสชาติที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่ามัทฉะเกรดอื่น ๆ
9 ประโยชน์ของอูจิมัทฉะ (Uji Matcha)

1. สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัยระดับเซลล์
อูจิมัทฉะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ โดยอุดมไปด้วยสารในกลุ่มโพลีฟีนอลที่เรียกว่า “คาเทชิน (Catechins)” ซึ่งสารคาเทชินที่ทรงพลังที่สุดที่พบในมัทฉะคือ “เอพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (EGCG)”
สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนกองทัพที่คอยปกป้องเซลล์ในร่างกายของเราจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและเป็นต้นเหตุของความเสื่อมในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยก่อนวัย ความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง การดื่มมัทฉะซึ่งเป็นการบริโภคใบชาทั้งใบ ทำให้เราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงกว่าการดื่มชาเขียวแบบซองทั่วไปหลายเท่าตัว จึงเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกันความเสื่อมให้ร่างกายจากภายในสู่ภายนอก
2. ผ่อนคลาย มีสมาธิ ด้วย “แอล-ธีอะนีน” (L-Theanine)
นี่คือหนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของมัทฉะ อูจิมัทฉะมีปริมาณกรดอะมิโนที่ชื่อว่า แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) สูงมาก ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการปลูกในที่ร่ม (Shade-grown) L-Theanine มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคลื่นอัลฟา (Alpha Waves) ในสมอง ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับสภาวะที่ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังคงตื่นตัวและมีสมาธิสูง
สภาวะนี้เรียกว่า “Relaxed Alertness” หรือ “สภาวะตื่นตัวแบบสงบ” ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกสงบ มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้น ลดความวิตกกังวลและความเครียด โดยไม่ทำให้รู้สึกง่วงซึม
3. เพิ่มประสิทธิภาพสมองและความจำ
นอกเหนือจาก L-Theanine แล้ว มัทฉะยังมีคาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะ การทำงานร่วมกันของ L-Theanine และคาเฟอีนนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสมอง L-Theanine จะช่วยชะลอการปลดปล่อยคาเฟอีนเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เราได้รับพลังงานอย่างนุ่มนวลและคงที่ยาวนานขึ้น โดยไม่มีอาการใจสั่น กระสับกระส่าย หรือพลังงานตกฮวบในภายหลัง (Caffeine Crash) เหมือนการดื่มกาแฟ
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ว่าการผสมผสานของสารทั้งสองชนิดนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความจำ, การมีสมาธิ, และความเร็วในการตอบสนอง การดื่มมัทฉะในตอนเช้าจึงเป็นวิธีที่ดีในการปลุกสมองให้พร้อมสำหรับวันใหม่
4. เพิ่มอัตราการเผาผลาญ ช่วยดูแลรูปร่าง
สำหรับใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือดูแลรูปร่าง อูจิมัทฉะอาจเป็นผู้ช่วยที่ดีของคุณได้ สาร EGCG ที่พบในปริมาณสูงในมัทฉะ มีคุณสมบัติเป็น “Thermogenic” คือสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายได้ โดยจะกระตุ้นให้ร่างกายนำไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อดื่มก่อนการออกกำลังกาย
การดื่มมัทฉะเป็นประจำจึงอาจช่วยให้การควบคุมน้ำหนักของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรทำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
5. ดีท็อกซ์ร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ
สีเขียวสดใสของอุจิมัทฉะไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่มันคือเครื่องบ่งชี้ถึงปริมาณ “คลอโรฟิลล์“ (Chlorophyll) ที่มีอยู่อ ซึ่งเป็นผลมาจากการปลูกคลุมแสงก่อนการเก็บเกี่ยว คลอโรฟิลล์คือสารสีเขียวที่พืชใช้ในการสังเคราะห์แสง และสำหรับร่างกายมนุษย์ มันทำหน้าที่เปรียบเสมือนเครื่องฟอกพิษชั้นดี
คลอโรฟิลล์มีความสามารถในการจับตัวกับโลหะหนักและสารพิษต่าง ๆ ในร่างกาย แล้วช่วยขับออกจากระบบอย่างเป็นธรรมชาติ การดื่มมัทฉะจึงเป็นวิธีที่ง่ายและอร่อยในการช่วยทำความสะอาดร่างกายจากภายใน
6. เสริมเกราะป้องกันให้ระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงคือกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี อุจิมัทฉะอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระคาเทชินที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ, วิตามินซี, และแร่ธาตุต่าง ๆ การดื่มมัทฉะเป็นประจำจึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย ทำให้ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย
7. ตัวช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ
โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเลือกรับประทานอาหารมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยง มีงานวิจัยที่พบว่าสารคาเทชิน โดยเฉพาะ EGCG ในชาเขียว อาจมีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคดังกล่าว
8. เคล็ดลับผิวสวยจากภายใน
สารต้านอนุมูลอิสระในอุจิมัทฉะไม่ได้ดีต่อสุขภาพภายในเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลดีมาถึงผิวพรรณภายนอกอีกด้วย อนุมูลอิสระจากมลภาวะและรังสียูวีเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำก่อนวัย สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะจะเข้าไปช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายเหล่านี้ ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใส เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ยาวนานขึ้น
9. ปลุกพลังงานสดชื่น ไม่ใจสั่น
หลายคนอาจเคยเจอปัญหาดื่มกาแฟแล้วใจสั่น มือสั่น หรือรู้สึกกระวนกระวายใจ นี่คือจุดที่มัทฉะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ดังที่กล่าวไปข้างต้น L-Theanine ในมัทฉะจะทำงานร่วมกับคาเฟอีน ทำให้การปลดปล่อยพลังงานเป็นไปอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ คุณจะรู้สึกสดชื่น มีพลัง และตื่นตัว แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงบและผ่อนคลาย เป็นพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนยาวนาน 3-6 ชั่วโมง ทำให้คุณสามารถทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดวัน
ดื่มอูจิมัทฉะ (Uji Matcha) อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด?
เพื่อให้ได้รับคุณประโยชน์จากอุจิมัทฉะอย่างเต็มที่ วิธีการชงและช่วงเวลาในการดื่มก็มีความสำคัญเช่นกัน
วิธีชงดื่ม “อูจิมัทฉะ” (Uji Matcha) แบบง่าย ๆ
สูตรและวิธีทำอูจิมัทฉะลาเต้เย็น
ส่วนผสม :
- ผงอูจิมัทฉะเกรดพรีเมียม : 2 ช้อน (ใช้ช้อนตักชา หรือประมาณ 1-2 ช้อนชา)
- น้ำร้อน : ปริมาณเล็กน้อย (ประมาณ 60-80 ml)
- นมสด : ปริมาณตามขนาดแก้ว (ประมาณ 150-180 ml)
- น้ำแข็ง : เต็มแก้ว
วิธีทำ :
- ตวงผงมัทฉะ : ใช้ผงอูจิมัทฉะเกรดพิธีชงชาประมาณ 2 ช้อนชา (2-3 กรัม) ใส่ลงในถ้วยชงชา (ฉะวัน)
- ร่อนผงมัทฉะ : ใช้ที่ร่อนขนาดเล็ก ร่อนผงมัทฉะลงในถ้วยเพื่อกำจัดเม็ดผงที่จับตัวกันเป็นก้อน จะช่วยให้ชงละลายได้ง่ายขึ้นมาก
- เติมน้ำร้อน : ใช้น้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 70-80°C (ไม่ควรใช้น้ำเดือดจัด เพราะจะทำให้ชามีรสขมและทำลายสารอาหาร) ปริมาณ 60-80 มิลลิลิตร เทลงในถ้วย
- ตีมัทฉะ : ใช้แปรงชงชา (ฉะเซ็น) ตีส่วนผสมให้เข้ากันอย่างรวดเร็วเป็นรูปตัว “M” หรือ “W” จนกระทั่งผงมัทฉะละลายหมดและเกิดฟองละเอียดสวยงามที่ผิวหน้า
- เตรียมแก้ว : ใส่น้ำแข็งลงในแก้วทรงสูงจนเต็ม จากนั้นเทนมสดตามลงไป
- เทมัทฉะ : ค่อย ๆ เทมัทฉะช็อตที่เตรียมไว้ลงบนนมและน้ำแข็ง เพื่อให้เกิดเป็นเลเยอร์สีเขียวและขาวที่สวยงาม
- พร้อมเสิร์ฟ : ใส่หลอด แล้วอร่อยกับอูจิมัทฉะลาเต้เย็นได้เลย
“อูจิมัทฉะ” (Uji Matcha) ควรดื่มตอนไหนดี?

- ตอนเช้า : ดื่มแทนกาแฟเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลังงานที่สดชื่นและสมาธิที่ดี
- ก่อนทำงานหรืออ่านหนังสือ : ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองและความจำ
- ช่วงบ่าย : ช่วยปลุกความสดชื่นและลดอาการสมองล้าในช่วงบ่ายได้เป็นอย่างดี
- ก่อนออกกำลังกาย 30 นาที : ช่วยเพิ่มการเผาผลาญและพลังงานในการออกกำลังกาย
ข้อควรระวัง : เนื่องจากมัทฉะมีคาเฟอีน จึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มในช่วงเย็นหรือก่อนนอน เพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้ ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือไม่เกิน 1-2 แก้ว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “ประโยชน์ของอูจิมัทฉะ (Uji Matcha)” (FAQ)

1. Uji Matcha (อูจิมัทฉะ) กับ Matcha (มัทฉะ) ทั่วไป ต่างกันอย่างไร?
ตอบ : ต่างกันหลัก ๆ 3 ด้านคือ แหล่งกำเนิด, คุณภาพ และรสชาติ
- แหล่งกำเนิด : “อูจิมัทฉะ” ต้องมาจากเมืองอุจิและพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดเกียวโต ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาที่มีประวัติศาสตร์และสภาพแวดล้อมดีที่สุด ในขณะที่ “มัทฉะ” ทั่วไปสามารถผลิตจากที่ใดก็ได้
- คุณภาพและกรรมวิธี : อูจิมัทฉะมีชื่อเสียงด้านกรรมวิธีที่พิถีพิถันตามแบบดั้งเดิม ตั้งแต่การคลุมใบชา (Shade-grown) และการโม่ด้วยหิน ทำให้ผงมีสีเขียวสดและละเอียดกว่า
- รสชาติ : จุดเด่นที่สุดของอูจิมัทฉะคือ “รสอูมามิ” (รสกลมกล่อม) ที่เด่นชัด มีความขมฝาดน้อยกว่ามัทฉะทั่วไป
2. อูจิมัทฉะ (Uji Matcha) คืออะไร?
ตอบ: อูจิมัทฉะ คือผงชาเขียวเกรดพรีเมียมจากเมืองอูจิ จังหวัดเกียวโต ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ราชาแห่งมัทฉะ” เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีกรรมวิธีการผลิตอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ได้มัทฉะที่มีสีเขียวสว่างสดใส กลิ่นหอม และรสชาติกลมกล่อม (อูมามิ) ที่หาได้ยากในมัทฉะจากแหล่งอื่น
3. ทำไมอูจิมัทฉะ (Uji Matcha) ถึงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก?
ตอบ : ชื่อเสียงของอูจิมัทฉะมาจากหลายปัจจัยรวมกัน ทั้งประวัติศาสตร์ ที่เป็นต้นกำเนิดวัฒนธรรมชา, คุณภาพที่สม่ำเสมอ จนได้รับรางวัลระดับประเทศต่อเนื่อง, และรสชาติอูมามิ ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบและเป็นมาตรฐานที่มัทฉะอื่น ๆ ใช้อ้างอิง
4. มัทฉะจากอูจิดีที่สุดจริงไหม?
ตอบ : แม้ว่าอูจิมัทฉะจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น “มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)” ของวงการ แต่คำว่า “ดีที่สุด” อาจขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลด้วย อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังมองหามัทฉะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสูงสุด และมีรสอูมามิที่ชัดเจน อูจิมัทฉะคือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดที่คุณสามารถเลือกได้
5. อูจิมัทฉะ (Uji Matcha) มีรสขมไหม?
ตอบ : อูจิมัทฉะคุณภาพสูง (โดยเฉพาะเกรดพิธีชงชา) จะมีรสขมน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย แต่จะโดดเด่นด้วยรสอูมามิ (ความกลมกล่อม) และความหอมหวานตามธรรมชาติ หากคุณเคยดื่มมัทฉะแล้วรู้สึกขมจัด อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ :
- เป็นมัทฉะคุณภาพรอง
- ใช้น้ำที่ร้อนเกินไป (อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 70-80°C)
- ชงไม่ถูกวิธี การเลือกใช้อุจิมัทฉะเกรดดีและชงอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงซึ่งนุ่มนวลและไม่ขม
6. ทำไมอูจิมัทฉะ (Uji Matcha) ถึงมีราคาสูง?
ตอบ : ราคที่สูงของอุจิมัทฉะสะท้อนถึงต้นทุนและกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนและใส่ใจในทุกรายละเอียด
- การปลูกที่ใช้แรงงานสูง : ทั้งการสร้าง棚 (Tana) เพื่อคลุมแสง และการเก็บเกี่ยวด้วยมือที่เลือกเฉพาะยอดอ่อนที่ดีที่สุด
- การผลิตที่ใช้เวลานาน : ใบชาต้องผ่านการนึ่ง อบ และคัดแยกเส้นใบ ก่อนจะนำไปโม่ด้วยหินแกรนิตอย่างช้าๆ ซึ่งโม่ได้เพียง 30-40 กรัมต่อชั่วโมงเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนทำลายรสชาติและกลิ่น
- ผลผลิตมีจำกัด : โดยเฉพาะเกรดสูงที่มาจากยอดชาในการเก็บเกี่ยวครั้งแรกของปี (First Flush) ซึ่งมีปริมาณจำกัด
- ชื่อเสียงและอุปสงค์ : ความต้องการจากทั่วโลกและชื่อเสียงที่สั่งสมมานานก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีราคาสูง
7. เกรดพิธีชงชา (Ceremonial) กับเกรดทำอาหาร (Culinary) ต่างกันอย่างไร? ควรใช้เกรดไหนทำลาเต้?
ตอบ : เป็นคำถามที่ดีมากครับ เพราะการเลือกใช้เกรดที่ถูกต้องจะทำให้เมนูของคุณอร่อยขึ้นเยอะ
- เกรดพิธีชงชา (Ceremonial Grade) : ทำจากยอดชาอ่อนที่สุดในการเก็บเกี่ยวครั้งแรก สีเขียวจะสดสว่างมาก รสอูมามิเข้มข้น หอมหวาน และขมน้อยที่สุด ถูกออกแบบมาเพื่อชงดื่มกับน้ำเปล่า เพื่อสัมผัสรสชาติที่ละเอียดอ่อนโดยตรง
- เกรดทำอาหาร (Culinary Grade) : ทำจากใบชาในการเก็บเกี่ยวครั้งหลัง ๆ มีรสชาติที่เข้มและฝาดกว่าเล็กน้อย เพื่อให้รสชาติชาไม่ถูกกลบเมื่อนำไปผสมกับส่วนผสมอื่น เช่น นม น้ำตาล หรือแป้ง
- สำหรับทำลาเต้ : คุณสามารถใช้เกรดทำอาหารคุณภาพสูง (High-Quality Culinary Grade) หรือที่บางครั้งเรียกว่า “เกรดลาเต้” (Latte Grade) ได้เลย ซึ่งจะให้รสชาติมัทฉะที่ชัดเจนในเครื่องดื่มนมและมีความคุ้มค่ามากกว่า แต่หากคุณต้องการความหรูหราและรสชาติที่นุ่มนวลที่สุด การใช้เกรดพิธีชงชาก็สามารถทำได้เช่นกัน
8. วิธีเก็บรักษาผงมัทฉะที่ดีที่สุดคืออะไร?
ตอบ : ผงมัทฉะมีความไวต่อความร้อน, แสง, อากาศ, และความชื้นมาก วิธีเก็บรักษาที่ดีที่สุดคือ :
- ปิดให้สนิท : เก็บในภาชนะที่ป้องกันอากาศและแสงเข้าได้ (เช่น กระป๋องทึบแสง หรือถุงซิปล็อกฟอยล์ที่มากับผลิตภัณฑ์)
- เก็บในที่เย็นและแห้ง : หลังจากเปิดใช้แล้ว ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาสี กลิ่น และรสชาติให้คงความสดใหม่ได้นานที่สุด และควรนำออกจากตู้เย็นสักครู่ก่อนใช้เพื่อให้ผงคลายความเย็น ป้องกันการจับตัวเป็นก้อนจากความชื้น
9. อูจิมัทฉะ (Uji Matcha) มีคาเฟอีนมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับกาแฟ?
ตอบ : โดยทั่วไป มัทฉะหนึ่งหน่วยบริโภค (ประมาณ 1 ช้อนชา หรือ 2 กรัม) จะมีคาเฟอีนประมาณ 30-70 มิลลิกรัม ในขณะที่กาแฟหนึ่งแก้ว (ประมาณ 240 มล.) มีคาเฟอีนประมาณ 95-165 มิลลิกรัม แม้ว่ามัทฉะจะมีคาเฟอีนน้อยกว่า แต่จุดเด่นคือการมีกรดอะมิโน แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) ที่ช่วยให้ร่างกายปลดปล่อยคาเฟอีนอย่างช้า ๆ ทำให้เกิดเป็นพลังงานที่สงบและคงที่ยาวนาน (Calm Alertness) ไม่ทำให้เกิดอาการใจสั่นหรือพลังงานตกฮวบเหมือนกาแฟ
จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน สู่กระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน และคุณประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าประทับใจทั้ง 9 ข้อ จะเห็นได้ว่าอูจิมัทฉะเป็นมากกว่าแค่เครื่องดื่มสีเขียว แต่คือผลผลิตของวัฒนธรรมที่สั่งสมมานับร้อยปี เป็นศิลปะที่ต้องใช้ความใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้มาซึ่งรสชาติและสรรพคุณ
ความพิเศษของอูจิมัทฉะไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ที่แหล่งการปลูก แต่ยังขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ที่เบลนด์ชา ดังนั้น หากคุณเห็นว่าผลิตภัณฑ์นั้นระบุว่าใช้ “มัทฉะจากเมืองอูจิ” ก็สามารถรับประกันได้ในระดับหนึ่งเลยว่าคุณกำลังจะได้รับมัทฉะที่มีคุณภาพดีกว่ามัทฉะทั่วไป การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอุจิมัทฉะดี ๆ สักถ้วย จึงไม่ใช่แค่การเติมคาเฟอีน แต่คือการมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้แก่ร่างกายของคุณ
กำลังมองหาอูจิมัทฉะคุณภาพ? แนะนำแหล่งซื้อสำหรับคุณ
หลังจากได้รู้ถึงประโยชน์และเรื่องราวอันน่าทึ่งของอุจิมัทฉะแล้ว หลายท่านคงเริ่มมองหาแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือเบเกอรี่ที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า สำหรับท่านที่กำลังมองหา “ผงอูจิมัทฉะเกรดพรีเมียม” นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรง MOMO Matcha ถือเป็นอีกหนึ่งผู้จัดจำหน่ายที่น่าสนใจและมีบริการที่ตอบโจทย์อย่างครบวงจร
ทำไมต้อง MOMO Matcha ?

นำเข้าผงอูจิมัทฉะจากเมืองอูจิ จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ผลิตจากชาเขียวแท้ 100% คัดสรรยอดชาอย่างดี ผ่านกระบวนการปลูกในที่ร่มและโม่ด้วยหินอย่างพิถีพิถัน ทำให้ได้ผงมัทฉะเกรดพรีเมียม มีสีเขียวสด กลิ่นหอมละมุน และรสชาติเข้มข้น เหมาะสำหรับนำไปชงเครื่องดื่ม ทำเบเกอรี่ หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
- มีจำหน่ายทั้งราคาปลีก และราคาส่ง ในเรทราคาพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อปริมาณมาก ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ
- มีบริการรับทำแบรนด์ (OEM) พร้อมออกแบบโลโก้และทำฉลากสินค้าให้ฟรี เมื่อสั่งซื้อครบ 60 กิโลกรัม ช่วยให้คุณสามารถมีสินค้าในนามแบรนด์ของตัวเองพร้อมจำหน่ายได้ทันที
ช่องทางการติดต่อและสั่งซื้อ :
- TEL : 064-845-6698
- LINE : @MOMOMATCHA
- FACEBOOK FANPAGE : ผงมัทฉะ เกรดพรีเมี่ยม Momo Matcha
“เราจำหน่ายผงมัทฉะแท้คุณภาพ ทั้งราคาปลีกและราคาส่งพิเศษ พร้อมจัดส่งทันทีถึงมือคุณ!”

