Skip to content

มัทฉะลาเต้ คือ? ทำความเข้าใจประโยชน์และโทษที่คุณควรรู้ก่อนดื่ม!

    เพื่อน ๆ! ช่วงนี้ไปที่ไหนก็เห็น “มัทฉะลาเต้” เต็มไปหมดเลยใช่มั้ย? ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ไหน ร้านกาแฟดัง ๆ หรือแม้แต่ในห้างสรรพสินค้าเมนูนี้ก็ฮิตติดลมบนสุด ๆ ด้วยสีเขียวมรกตสวย ๆ กับรสชาติที่ทั้งนุ่มนวล หอมมัน แถมยังได้กลิ่นอายชาเขียวแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ หลายคนก็ติดใจกันงอมแงม แต่เคยสงสัยกันไหมว่า แล้ว “มัทฉะลาเต้ คือ” อะไรกันแน่? มันต่างจากชาเขียวนมที่เราคุ้นเคยยังไง? แล้วที่ดื่ม ๆ กันอยู่ มันดีกับสุขภาพเราจริงไหม? หรือมีอะไรที่เราต้องระวังบ้างรึเปล่า?

    วันนี้อยากจะบอกให้ฟังแบบหมดเปลือกเลยว่า “มัทฉะลาเต้ คือ” ตั้งแต่ต้นกำเนิด ประโยชน์ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ไปจนถึงข้อควรระวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถ้าเรารู้ไว้ก่อน จะช่วยให้การดื่มมัทฉะลาเต้ของเราฟินขึ้นไปอีกขั้น แถมยังดีต่อสุขภาพแบบสุด ๆ ด้วย รับรองว่าอ่านจบแล้ว เพื่อน ๆ จะเข้าใจมัทฉะลาเต้แบบทะลุปรุโปร่งเหมือนมีบาริสต้าประจำตัวมานั่งอธิบายให้ฟังเองเลย! เตรียมแก้ว “มัทฉะลาเต้” ของเพื่อน ๆ ให้พร้อม แล้วมาลุยกันเลย!

    หลังจากที่เราเกริ่นกันไปแล้วว่า “มัทฉะลาเต้ คือ” ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันเลยว่า เครื่องดื่มสีเขียวสุดโปรดแก้วนี้มันมีที่มาที่ไปและส่วนประกอบอะไรบ้าง? ทำไมมันถึงได้พิเศษไม่เหมือนใคร!

     มัทฉะลาเต้ คือ มาทำความเข้าใจประโยชน์ โทษ วิธีเลือกผงมัทฉะ และเหตุผลที่ควรใช้นมพืช เพื่อสุขภาพที่ดีและการดื่มที่ฟินกว่าเดิม

    ก่อนจะไปถึง “มัทฉะลาเต้” เราต้องมาทำความเข้าใจหัวใจสำคัญของมันก่อน นั่นก็คือ “มัทฉะ (Matcha)” หลายคนอาจจะคิดว่า “มัทฉะ” ก็คือชาเขียวทั่วไป แต่มัทฉะไม่เหมือนชาเขียวที่เราเอามาชงดื่มเป็นถุง ๆ หรือชาเขียวผงสำเร็จรูปทั่ว ๆ ไปนะ มัทฉะเป็นชาเขียวที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษตั้งแต่การปลูกเลย

    • ที่มา :มัทฉะ” มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น เป็นชาที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมการชงชาแบบญี่ปุ่นมาหลายร้อยปี ซึ่งเป็นพิธีที่มีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมาก ๆ
    • กระบวนการผลิต : ความพิเศษของ “มัทฉะ” อยู่ที่กระบวนการผลิต โดยก่อนเก็บเกี่ยวใบชาประมาณ 20-30 วัน ต้นชาจะถูกคลุมด้วยผ้าใบหรือตาข่ายเพื่อพรางแสงแดด การทำแบบนี้จะช่วยให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์ได้มากขึ้น ทำให้ใบชามีสีเขียวสดสวยและมีสารอาหารเยอะขึ้น แถมยังช่วยให้รสชาติชาอ่อนโยน ไม่ฝาดอีกด้วย พอเก็บเกี่ยวเสร็จ ก็จะนำใบชามานึ่ง อบแห้ง และนำก้านกับเส้นใยออก เหลือแต่เนื้อใบชาล้วน ๆ จากนั้นก็นำมาบดด้วยโม่หินอย่างช้า ๆ จนได้ผงชาที่ละเอียดมาก ๆ เป็นผงสีเขียวสดที่เราเรียกว่า “มัทฉะ” นี่คือความแตกต่างที่ทำให้ “มัทฉะ” พิเศษกว่าชาเขียวทั่วไป เพราะเราดื่มเข้าไปทั้งใบ ไม่ใช่แค่ดื่มน้ำชาที่ชงจากใบเหมือนชาเขียวแบบอื่น

    เมื่อเราได้ผง “มัทฉะ” คุณภาพดีมาแล้ว การจะกลายเป็น “มัทฉะลาเต้” ที่เราคุ้นเคยก็ง่ายนิดเดียว หลัก ๆ แล้ว” มัทฉะลาเต้” ก็คือการนำผง “มัทฉะ” มาชงกับน้ำร้อนเล็กน้อยให้ละลายเข้ากันดี แล้วค่อยนำไปผสมกับ “นม”

     มัทฉะลาเต้ คือ มาทำความเข้าใจประโยชน์ โทษ วิธีเลือกผงมัทฉะ และเหตุผลที่ควรใช้นมพืช เพื่อสุขภาพที่ดีและการดื่มที่ฟินกว่าเดิม
    • นมสด : ส่วนใหญ่ที่เราเห็นตามร้านคาเฟ่ก็มักจะใช้นมสด เพราะนมสดจะให้ความหอมมัน นุ่มละมุน ทำให้รสชาติของ “มัทฉะ” กลมกล่อมลงตัว
    • นมพืช : แต่เดี๋ยวนี้ที่ฮิตกันมากก็คือการใช้นมทางเลือกอย่างนมโอ๊ต, นมอัลมอนด์, นมถั่วเหลือง หรือแม้แต่นมมะพร้าว การใช้นมพืชไม่ได้แค่ตอบโจทย์คนแพ้นมวัวนะ แต่ยังช่วยดึงรสชาติเฉพาะตัวของ “มัทฉะ” ออกมาได้ดีกว่าด้วย เพราะนมพืชบางชนิดไม่มีกลิ่นและรสชาติที่ไปกลบรสชาติดั้งเดิมของ “มัทฉะ” แถมยังให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

    มัทฉะลาเต้ คือ” การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างชาเขียวผงพรีเมียมอย่าง “มัทฉะ” กับนมหลากหลายชนิด ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์การดื่มที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ให้เรานั่นเอง! แล้วสงสัยไหมว่า “มัทฉะลาเต้” กับชาเขียวนมทั่วไปมันต่างกันยังไง? เดี๋ยวหัวข้อหน้าจะมาเฉลยให้ฟังแบบชัด ๆ เลย!

    หลายคนอาจจะสับสนว่า “มัทฉะลาเต้ คือ” และมันต่างจากชาเขียวนมที่เราคุ้นเคยยังไงนะ? มาดูตารางเปรียบเทียบนี้ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลย!

    คุณสมบัติมัทฉะลาเต้ (Matcha Latte)ชาเขียวนมทั่วไป (Green Tea Latte / Green Tea Milk)
    แหล่งที่มามัทฉะ (Matcha) ชาเขียวคุณภาพสูงจากญี่ปุ่นผงชาเขียวทั่วไป, ชาเขียวผงปรุงสำเร็จ, หรือใบชาเขียวบด
    กระบวนการผลิตผงชาปลูกโดยคลุมแสง เพื่อให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์และกรดอะมิโนมากขึ้น -> นึ่ง อบแห้ง และบดทั้งใบ ด้วยโม่หินจนเป็นผงละเอียดมากปลูกกลางแจ้งทั่วไป -> อบแห้ง -> อาจมีการบด หรือเป็นชาเขียวที่ผ่านการสกัดแล้วนำมาทำเป็นผง
    ส่วนที่ใช้ดื่มดื่ม “ทั้งใบ” ของชาที่บดเป็นผงละเอียดดื่ม “น้ำชา” ที่ชงจากใบชา หรือผงชาที่ละลายน้ำ (อาจมีกากเหลือ)
    สีเขียวสดจัดจ้าน เขียวมรกต (ขึ้นอยู่กับเกรด)เขียวตุ่น, เขียวอมเหลือง, หรือเขียวซีดกว่า (ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณสารปรุงแต่ง)
    กลิ่นและรสชาติหอมกลิ่นชาเขียวแท้ ๆ มีรสชาติอูมามิ (Umami) นุ่มนวล ละมุน อาจมีรสหวานธรรมชาติ และขมปลายลิ้นน้อยมากถ้าคุณภาพดีกลิ่นชาเขียวทั่วไป รสชาติอาจอ่อนกว่า หรือมีรสขมฝาดชัดเจนกว่า บางครั้งมีกลิ่นปรุงแต่ง
    เนื้อสัมผัสเนื้อเนียนละเอียด เมื่อชงจะละลายเข้ากันดี (ไม่มีกาก)อาจมีเนื้อหยาบกว่า หรือมีกากชาเล็กน้อย
    คุณค่าทางโภชนาการสารต้านอนุมูลอิสระ (EGCG) สูงมาก, L-Theanine สูง, วิตามินและแร่ธาตุสูงมีสารต้านอนุมูลอิสระน้อยกว่ามัทฉะ เพราะไม่ได้ดื่มทั้งใบ และอาจมีน้ำตาลสูงหากเป็นผงสำเร็จรูป
    ราคาโดยทั่วไปมีราคาสูงกว่าโดยทั่วไปมีราคาถูกกว่า
    วัตถุประสงค์หลักเน้นการดื่มด่ำรสชาติแท้ ๆ ของชา หรือเป็นส่วนผสมหลักในเมนูที่ต้องการรสชาติมัทฉะชัดเจนเครื่องดื่มทั่วไป เน้นความสดชื่น หรือเป็นส่วนผสมที่ให้สีเขียวและกลิ่นชาเขียวเบื้องต้น

    เห็นตารางนี้แล้วพอจะเข้าใจความแตกต่างของ “มัทฉะลาเต้” กับชาเขียวนมทั่วไปได้ชัดเจนขึ้นแล้วใช่ไหม! การที่ “มัทฉะลาเต้ คือ” เครื่องดื่มที่ใช้ผงมัทฉะแท้ ๆ ที่ทำให้มันมีคุณสมบัติพิเศษและแตกต่างจากเครื่องดื่มชาเขียวนมอื่น ๆ !

    หลังจากที่เราพอจะรู้แล้วว่ามัทฉะลาเต้ คือ และความแตกต่างระหว่างมัทฉะกับชาเขียวนมทั่วไปเป็นยังไง ทีนี้มาดูกันต่อเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ “เกรดของมัทฉะ” เพราะมัทฉะไม่ได้มีแค่แบบเดียว แล้วแต่ละแบบมันก็เหมาะกับการเอาไปทำอะไรไม่เหมือนกันเลยนะ ถ้าเลือกใช้ถูกประเภท รับรองว่า “มัทฉะลาเต้” หรือเมนูมัทฉะอื่น ๆ ของเพื่อน ๆ จะอร่อยขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวเลย

    นี่คือ “มัทฉะ” ที่ถือว่ามีคุณภาพดีที่สุด เป็นมัทฉะที่ใช้ในพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า “Chanoyu” ซึ่งเป็นพิธีที่มีความละเอียดอ่อนและต้องการชาที่บริสุทธิ์ที่สุด

    • ที่มาและการเก็บเกี่ยว : ทำมาจากยอดอ่อนของใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงแรกของฤดู (First Flush) ซึ่งเป็นช่วงที่ใบชามีสารอาหารครบถ้วนที่สุด และผ่านกระบวนการคลุมแสงที่เข้มงวดที่สุด
    • สี : จะมีสีเขียวสดจัดจ้าน สว่างราวกับหยกหรือมรกต เพราะมีปริมาณคลอโรฟิลล์สูงมาก
    • เนื้อสัมผัส : เนื้อผงจะละเอียดเนียนเหมือนแป้งฝุ่น ไม่มีก้อนเลยแม้แต่น้อย เมื่อตีกับน้ำร้อนแล้วจะได้ฟองละเอียดและเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม
    • กลิ่นและรสชาติ : มีกลิ่นหอมละมุนแบบธรรมชาติ (Umami) ที่เป็นเอกลักษณ์ มีรสหวานอ่อนๆ และแทบไม่มีรสขมหรือฝาดเลย ทำให้ดื่มง่ายและสดชื่น
    • เหมาะสำหรับ : ชงดื่มเปล่า ๆ กับน้ำร้อนเท่านั้น (แบบอุสุฉะ หรือโคอิฉะ) เพื่อลิ้มรสชาติและกลิ่นหอมอันบริสุทธิ์ของมัทฉะได้อย่างเต็มที่ ไม่แนะนำให้ผสมกับนมหรือน้ำตาลเยอะ เพราะจะกลบรสชาติพรีเมียมของมันไปหมด

    เกรดนี้อยู่ตรงกลางระหว่าง Ceremonial และ Culinary บางทีอาจถูกเรียกว่า “Daily Grade” หรือ “Café Grade” ก็ได้

    • ที่มาและการเก็บเกี่ยว : มักจะมาจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงหลังจากการเก็บเกี่ยวครั้งแรก หรืออาจเป็นส่วนผสมของใบชาจากรอบแรกและรอบที่สอง
    • สี : สีเขียวจะเข้มขึ้นมาหน่อย อาจจะไม่สดจัดจ้านเท่าเกรด Ceremonial แต่ก็ยังคงความเขียวสวยงาม
    • เนื้อสัมผัส : เนื้อผงยังคงละเอียดเนียนดี แต่บางครั้งอาจไม่เท่าเกรด Ceremonial
    • กลิ่นและรสชาติ : มีกลิ่นหอมของมัทฉะที่ชัดเจน มีรสอูมามิที่ดี แต่ก็อาจมีความขมหรือฝาดอ่อนๆ บ้าง เหมาะสำหรับการผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ
    • เหมาะสำหรับ : ชงดื่มในชีวิตประจำวันที่ต้องการคุณภาพที่ดี แต่ราคาไม่สูงเท่า Ceremonial Grade หรือ เหมาะกับการนำมาทำมัทฉะลาเต้ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ต้องการรสชาติมัทฉะที่โดดเด่น เพราะรสชาติจะยังคงเข้มข้นแม้จะผสมกับนมหรือส่วนผสมอื่น ๆ

    นี่คือ “มัทฉะ” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ

    • ที่มาและการเก็บเกี่ยว : มักจะมาจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงหลังๆ ของฤดู หรือเป็นใบชาที่แก่กว่า และอาจจะผ่านกระบวนการบดที่รวดเร็วกว่า
    • สี : สีเขียวจะเข้มขึ้น ออกไปทางเขียวเข้ม เขียวหม่น หรืออาจมีสีอมเหลือง/น้ำตาลเล็กน้อย
    • เนื้อสัมผัส : เนื้อผงอาจจะหยาบกว่าสองเกรดแรกเล็กน้อย บางครั้งอาจจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายกว่า
    • กลิ่นและรสชาติ : มีกลิ่นหอมของมัทฉะที่ชัดเจน แต่รสชาติจะเข้มข้นกว่า และมักจะมีรสขมหรือฝาดที่เด่นชัดกว่าเกรดสูง ๆ
    • เหมาะสำหรับ : ทำเบเกอรี่ (เค้ก, คุกกี้, มัฟฟิน), ไอศกรีม, สมูทตี้, มัทฉะลาเต้ ที่ต้องการความเข้มข้นของรสชาติ “มัทฉะ” ที่ไม่ถูกกลบด้วยส่วนผสมอื่น ๆ หรือเป็นส่วนผสมในการทำอาหารคาวบางชนิด เกรดนี้จะคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับจากการนำไปผสม

    นอกจากเรื่องเกรดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกนะที่ส่งผลต่อคุณภาพของมัทฉะ ที่เราจะเอามาทำ “มัทฉะลาเต้” หรือเมนูโปรดอื่น ๆ

    • แหล่งกำเนิด : มัทฉะที่ดีที่สุดส่วนใหญ่มักจะมาจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะแหล่งปลูกสำคัญอย่าง อุจิ, นิชิโอะ, ชิซูโอกะ หรือคาโงชิมะ การรู้แหล่งที่มาช่วยให้เรามั่นใจในคุณภาพได้ระดับหนึ่งเลย
    • การเก็บเกี่ยว : มัทฉะที่เก็บเกี่ยวในรอบแรกของปี (First Flush) จะมีคุณภาพดีที่สุดครับ เพราะเป็นใบชาอ่อนที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีรสชาติละมุนที่สุด
    • การเก็บรักษา : มัทฉะเป็นผงชาที่บอบบางมาก โดนแสง โดนความร้อน โดนอากาศ หรือโดนความชื้นไม่ได้เลย คุณภาพจะลดลงไวมาก ดังนั้นหลังเปิดซองแล้วควรรีบปิดให้สนิท เก็บในภาชนะทึบแสง และแช่ตู้เย็นไว้ จะช่วยคงคุณภาพและรสชาติของมัทฉะไว้ได้นานขึ้น ทำให้มัทฉะลาเต้ของเพื่อน ๆ อร่อยเหมือนเดิมทุกแก้ว

    การเลือกมัทฉะให้ถูกเกรดและรู้จักปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพ จะช่วยให้คุณได้ประสบการณ์การดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ยอดเยี่ยมที่สุด เหมือนมีบาริสต้าส่วนตัวมาชงให้เลยนะ!

    เอาล่ะเพื่อนๆ! หลังจากที่เราเข้าใจกันไปแล้วว่า มัทฉะลาเต้ คืออะไร และต้องเลือกมัทฉะแบบไหนถึงจะถูกใจ คราวนี้มาถึงส่วนที่หลายคนน่าจะอยากรู้ที่สุด นั่นก็คือ “ประโยชน์ของมัทฉะลาเต้” นั่นเอง! คือไม่ได้อร่อยอย่างเดียวนะ แต่เจ้าเครื่องดื่มสีเขียวแก้วนี้ยังซ่อนคุณประโยชน์ดีๆ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของเราแบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลย!

     มัทฉะลาเต้ คือ มาทำความเข้าใจประโยชน์ โทษ วิธีเลือกผงมัทฉะ และเหตุผลที่ควรใช้นมพืช เพื่อสุขภาพที่ดีและการดื่มที่ฟินกว่าเดิม

    รู้ไหมว่า “มัทฉะ” อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก ๆ โดยเฉพาะสารที่ชื่อว่า “EGCG (Epigallocatechin Gallate)” ซึ่งเป็นกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่พบมากในชาเขียว โดยเฉพาะในมัทฉะ!

    • คุณสมบัติ : เจ้า EGCG เนี่ยเป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายเราจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายแก่เร็ว หรือเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้
    • ประโยชน์ต่อร่างกาย : การที่เราดื่ม “มัทฉะลาเต้” ก็เหมือนเราเติมเกราะป้องกันให้ร่างกายทุกวัน ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังบางชนิด แถมยังช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วยนะ

    อันนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ “มัทฉะลาเต้” แตกต่างจากกาแฟมาก ๆ!

    • บทบาทของ L-Theanine และคาเฟอีน : ใน “มัทฉะ” มีสารสำคัญสองตัวที่ทำงานร่วมกันได้อย่างน่าทึ่งคือ “คาเฟอีน” ที่ช่วยให้เราตื่นตัวมีพลังงาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า “L-Theanine” ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เราผ่อนคลายและมีสมาธิจดจ่อได้ดีขึ้น
    • ประโยชน์ : ผลลัพธ์คือ จะรู้สึกสดชื่น มีพลังงานต่อเนื่อง ไม่ได้ตื่นตัวแบบใจสั่นหรือกระวนกระวายเหมือนดื่มกาแฟเยอะ ๆ แถมยังช่วยให้มีสมาธิทำงานหรือเรียนได้ดีขึ้นอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้สมาธิมาก ๆ เลย

    สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยเรื่องการดูแลน้ำหนัก “มัทฉะลาเต้” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนะ

    • ช่วยเพิ่ม Metabolism : งานวิจัยบางชิ้นบอกว่า สาร EGCG ในมัทฉะอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • ประโยชน์ : แม้จะไม่ใช่ยาวิเศษที่ทำให้ผอมทันที แต่การดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ไม่เติมน้ำตาลหรือส่วนผสมอื่น ๆ เยอะเกินไป ก็เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพและน้ำหนักที่ดีได้

    เรื่องหัวใจก็สำคัญนะ!

    • บทบาทของสารอาหารบางชนิด : สารต้านอนุมูลอิสระและสารประกอบอื่น ๆ ใน “มัทฉะ” มีส่วนช่วยในการรักษาระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
    • ประโยชน์ : การดื่ม “มัทฉะลาเต้” เป็นประจำ (ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่เติมน้ำตาลเยอะ) ถือเป็นการบำรุงหัวใจให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง

    อยากมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อย ๆ ลองให้ “มัทฉะลาเต้” เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มประจำวันของเพื่อน ๆ ดูสิ!

    • ภาพรวม : สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่อยู่ใน มัทฉะ ล้วนมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ทำให้เรามีภูมิต้านทานที่ดีขึ้นต่อโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
    • ประโยชน์ : การดื่ม “มัทฉะลาเต้” เป็นประจำจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในสู่ภายนั่นเอง

    เห็นไหมว่า “มัทฉะลาเต้” แก้วโปรดของเราไม่ได้มีดีแค่อร่อย แต่ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์ดี ๆ มากมายเลยนะ แต่เดี๋ยวก่อน! แม้จะมีประโยชน์เยอะแยะ แต่ก็มีข้อควรระวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราต้องรู้ด้วยนะ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าทำไม “มัทฉะลาเต้” บางทีก็ไม่ควรใช้นมวัวผสมลงไป? หัวข้อหน้าเราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กัน!

    เพื่อนๆ ครับ! เมื่อกี้เราคุยกันไปแล้วว่า มัทฉะลาเต้ มีประโยชน์เยอะแยะมากมายขนาดไหน แต่มันก็เหมือนเหรียญสองด้านนะ มีข้อดีก็ย่อมมีข้อที่เราต้องระวังด้วยเหมือนกัน เพื่อให้การดื่ม มัทฉะลาเต้ ของเราได้ประโยชน์เต็มที่และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เรามาดูข้อควรระวังเหล่านี้กันหน่อยดีกว่า รับรองว่ารู้ไว้ไม่เสียหายแน่นอน!

     มัทฉะลาเต้ คือ มาทำความเข้าใจประโยชน์ โทษ วิธีเลือกผงมัทฉะ และเหตุผลที่ควรใช้นมพืช เพื่อสุขภาพที่ดีและการดื่มที่ฟินกว่าเดิม

    มัทฉะ” มีสาร L-Theanine ที่ช่วยให้เราตื่นตัวแบบสงบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีคาเฟอีนเลยนะ!

    • มากไปก็ส่งผลเสีย : ในมัทฉะมีคาเฟอีนอยู่พอสมควรเลย ยิ่งถ้าเป็นมัทฉะเกรดดี ๆ หรือชงแบบเข้มข้น ปริมาณคาเฟอีนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ถ้าเราดื่ม “มัทฉะลาเต้” ในปริมาณที่มากเกินไป หรือดื่มในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น ดื่มช่วงเย็น ๆ หรือก่อนนอน อาจจะทำให้เพื่อน ๆ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หรือบางคนอาจมีอาการใจสั่นได้เลยนะ
    • คำแนะนำ : ลองสังเกตร่างกายตัวเองดู ว่ารับคาเฟอีนได้แค่ไหน แล้วค่อย ๆ ปรับปริมาณการดื่ม หรือหลีกเลี่ยงการดื่มในช่วงบ่ายคล้อยไปแล้ว เพื่อให้คืนนั้นเพื่อน ๆ หลับสบายนะ

    อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษเลย เพราะบางทีความอร่อยของ “มัทฉะลาเต้” ก็มาพร้อมกับสิ่งที่เราไม่ต้องการนี่แหละ

    • แหล่งน้ำตาลแฝง : มัทฉะลาเต้ตามร้านค้าส่วนใหญ่มักจะมีการเติมน้ำเชื่อม นมข้นหวาน หรือผงชาเขียวสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมาแล้ว เพื่อเพิ่มความหวานและรสชาติให้ถูกปากคนทั่วไป ซึ่งน้ำตาลพวกนี้แหละครับคือตัวร้าย!
    • ผลเสียต่อสุขภาพ : การได้รับน้ำตาลในปริมาณมากเกินไปเป็นประจำ อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน น้ำหนักขึ้น หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้
    • คำแนะนำ : ถ้าคุณรักสุขภาพ แนะนำให้สั่ง “มัทฉะลาเต้” แบบไม่เติมน้ำตาล หรือขอลดปริมาณน้ำเชื่อมลง แล้วเลือกใช้ความหวานจากนม (เช่น นมโอ๊ตที่มีรสหวานตามธรรมชาติ) หรือหาสารให้ความหวานที่ไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดมาเติมเองจะดีกว่าเยอะเลย

    เรื่องนี้อาจจะฟังดูน่ากลัวนิดหน่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจ!

    • โอกาสการปนเปื้อน : เนื่องจากใบชาดูดซับสารอาหารจากดิน บางครั้งหากแหล่งปลูกไม่ได้มาตรฐาน อาจมีโอกาสที่ “มัทฉะ” จะดูดซับโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว หรือแคดเมียม ที่ปนเปื้อนอยู่ในดินได้
    • อันตราย : การได้รับโลหะหนักสะสมในร่างกายเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาวครับ
    • วิธีการเลือกซื้อให้ปลอดภัย : ไม่ต้องกังวลไป! วิธีที่ดีที่สุดคือ เลือกซื้อผงมัทฉะจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน และมีการรับรองแหล่งที่มาที่ชัดเจน (เช่น มาจากญี่ปุ่นแท้ๆ) ที่สำคัญคือเลือกซื้อจากร้านที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบแล้ว จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า “มัทฉะ” ที่คุณดื่มนั้นปลอดภัยและไม่มีสารปนเปื้อนครับ

    สำหรับใครที่กำลังทานยาบางชนิดอยู่ อันนี้เป็นข้อควรระวังที่สำคัญมาก ๆ เลยนะ!

    • ผลกระทบ : สารบางอย่างในมัทฉะ อาจมีปฏิกิริยากับยาบางประเภท เช่น ยาที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิต ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของตับ
    • คำแนะนำ : ถ้าคุณกำลังทานยาเป็นประจำ หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะดื่ม “มัทฉะลาเต้” หรือผลิตภัณฑ์จากมัทฉะอื่นๆ นะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

    เห็นไหมว่าการดื่ม “มัทฉะลาเต้” ก็เหมือนกับอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ คือมีทั้งประโยชน์และข้อควรระวัง แต่ถ้าเราเข้าใจและดื่มอย่างมีสติ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพื่อน ๆ ก็สามารถสนุกกับการดื่ม “มัทฉะลาเต้” ได้อย่างเต็มที่และดีต่อสุขภาพแน่นอน!

    เพื่อน ๆ ! เมื่อกี้เราพูดถึงข้อควรระวังเรื่องการเติมน้ำตาลใน “มัทฉะลาเต้” ไปแล้วใช่ไหม? ทีนี้มาถึงอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลย ที่คนรัก “มัทฉะ” ตัวจริงมักจะเลือกทำกัน นั่นก็คือ “การเลือกใช้นม” นั่นเอง! หลายคนอาจจะคิดว่านมวัวก็คงใช้ได้แหละ แต่จริง ๆ แล้วมันมีเหตุผลที่ว่าทำไมคนถึงแนะนำให้เลี่ยงนมวัวเมื่อชง “มัทฉะลาเต้” มาดูกันเลย!

    เรื่องแรกเลยคือ “รสชาติ” !

    • กลบรสชาติมัทฉะ : นมวัว โดยเฉพาะนมสดทั่วไป มักจะมีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวที่ค่อนข้างแรง ซึ่งเจ้ากลิ่นและรสชาตินมวัวนี่แหละครับที่อาจจะไป “กลบ” รสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของ “มัทฉะ” ได้ คือแทนที่จะได้กลิ่นหอมแบบชาเขียวแท้ๆ อาจจะกลายเป็นกลิ่นนมนำไปซะงั้น
    • มัทฉะเสียของ : คิดดูสิครับว่าเราลงทุนซื้อมัทฉะดีๆ มาตั้งแพง แต่พอนำมาชงกับนมวัวแล้วกลับไม่ได้สัมผัสรสชาติมัทฉะที่แท้จริง มันน่าเสียดายแย่เลยใช่ไหมล่ะ?

    นอกจากเรื่องรสชาติแล้ว ยังมีเรื่อง “สารอาหาร” ที่สำคัญไม่แพ้กันเลย!

    • โปรตีนเคซีนกับ EGCG : งานวิจัยบางชิ้นเริ่มชี้ให้เห็นว่า “โปรตีนเคซีน (Casein)” ที่อยู่ในนมวัว อาจจะเข้าไปจับตัวกับ “สารต้านอนุมูลอิสระ EGCG” ทำให้ร่างกายเราดูดซึมสารดี ๆ อย่าง EGCG ไปใช้ได้น้อยลง
    • ประโยชน์ที่ลดลง : นั่นหมายความว่า ถ้าเราดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ผสมนมวัว เพื่อน ๆ อาจจะได้รับประโยชน์ด้านสารต้านอนุมูลอิสระจากมัทฉะไปไม่เต็มที่เท่าที่ควรนั่นเองครับ คือเราดื่มมัทฉะเพื่อสุขภาพ แต่กลับได้ประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็น่าเสียดายเนอะ

    ไม่ต้องกังวลไป! โชคดีที่เรามีทางเลือกนมที่ดีกว่ามาก ๆ สำหรับการชง “มัทฉะลาเต้” นั่นก็คือ “นมพืช” ต่าง ๆ นี่แหละ!

    • นมโอ๊ต (Oat Milk) : เป็นนมพืชที่ฮิตที่สุดในการชงลาเต้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม หอมมันคล้ายนมวัว แต่ไม่ไปกลบรสชาติมัทฉะ แถมยังให้ความหวานตามธรรมชาติเล็กน้อย ทำให้ “มัทฉะลาเต้” กลมกล่อมลงตัวสุด ๆ
    • นมอัลมอนด์ (Almond Milk) : เป็นอีกตัวเลือกยอดนิยมที่ให้ความเบา ดื่มง่าย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวบาง ๆ ที่เข้ากันได้ดีกับมัทฉะ
    • นมถั่วเหลือง (Soy Milk) : เป็นนมพืชคลาสสิกที่ให้โปรตีนสูงและมีเนื้อสัมผัสที่ดีในการทำลาเต้ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบกลิ่นถั่วเหลืองที่อาจจะเด่นขึ้นมานิดหน่อย

    การเลือกใช้นมพืชเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้สัมผัสรสชาติ “มัทฉะ” ได้อย่างเต็มที่ และยังได้รับประโยชน์จากสารอาหารต่าง ๆ ใน “มัทฉะ” อย่างครบถ้วนด้วยนะครับ! ลองเปลี่ยนมาใช้นมพืชดูสิ แล้วเพื่อน ๆ จะรู้ว่า “มัทฉะลาเต้” ของเพื่อน ๆ อร่อยขึ้นได้อีกเยอะเลย!

    มาดูกันเลยว่า “มัทฉะลาเต้” ในแบบต่าง ๆ ทำยังไงให้ได้รสชาติถูกใจ!

    สูตรที่ 1 : มัทฉะลาเต้ร้อน

    วิธีทำ :

    1. ร่อนผงมัทฉะ 3 กรัม ลงในถ้วยหรือชามสำหรับชงมัทฉะ (Matcha Bowl) เพื่อไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
    2. เติมน้ำร้อนลงไป 60 มิลลิลิตร
    3. ใช้แปรงชงชาไม้ไผ่ (Chasen) ตีมัทฉะในลักษณะ “M” หรือ “W” อย่างรวดเร็ว จนมัทฉะละลายเข้ากันดี ไม่มีก้อน และเกิดฟองละเอียดด้านบน
    4. อุ่นนมให้ร้อน (ไม่เดือดจัด) โดยอาจใช้เครื่องตีฟองนม หรืออุ่นในหม้อเล็ก ๆ
    5. เทนมที่อุ่นแล้วลงในแก้ว (สามารถตีฟองนมด้านบนเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม)
    6. ค่อย ๆ เทมัทฉะที่ชงไว้ลงไป
    7. เติมสารให้ความหวานตามชอบ คนให้เข้ากันพร้อมดื่ม!

    สูตรที่ 2 : มัทฉะลาเต้เย็น

    วิธีทำ :

    1. ร่อนผงมัทฉะ3 กรัม ลงในถ้วยหรือชามสำหรับชงมัทฉะ
    2. เติมน้ำร้อนลงไป 60 มิลลิลิตร
    3. ใช้แปรงชงชาไม้ไผ่ (Chasen) หรือเครื่องตีฟองนมไฟฟ้าขนาดเล็ก ตีมัทฉะให้ละลายเข้ากันดี ไม่มีก้อน และเกิดฟองละเอียด
    4. เติมสารให้ความหวานลงในมัทฉะที่ชงไว้ คนให้เข้ากัน (ถ้าใช้น้ำผึ้ง แนะนำให้ผสมตอนมัทฉะยังอุ่นอยู่เล็กน้อยเพื่อให้ละลายง่าย)
    5. เติมน้ำแข็งให้เต็มแก้วที่คุณจะใช้เสิร์ฟ
    6. เทนมเย็นลงไปจนเกือบเต็มแก้ว
    7. ค่อย ๆ เทมัทฉะที่ชงไว้ลงบนนม (จะเกิดเป็นชั้นสวยงาม)
    8. คนให้เข้ากันก่อนดื่มเพื่อความอร่อยที่ลงตัว

    สูตรที่ 3 : มัทฉะลาเต้นมมะพร้าว

    วิธีทำ

    1. ร่อนผงมัทฉะ3 กรัม ลงในถ้วย
    2. เติมน้ำร้อน 60 มิลลิลิตร ตีให้มัทฉะละลายเข้ากันดีจนเกิดฟองละเอียด
    3. เติมน้ำเชื่อมเมเปิล หรือน้ำผึ้งลงไป คนให้เข้ากัน
    4. ใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว เทนมมะพร้าวเย็นลงไป ตามด้วยมัทฉะที่ชงไว้
    5. คนให้เข้ากันก่อนดื่ม

    เป็นยังไงบ้างเพื่อน ๆ! ตั้งแต่ต้นจนถึงตรงนี้ เราได้ทำความรู้จักกับ “มัทฉะลาเต้ คือ” แบบเจาะลึกกันไปทุกซอกทุกมุมเลยใช่ไหม? เราได้รู้แล้วว่า “มัทฉะ” นั้นเป็นชาเขียวที่มีที่มาและกระบวนการผลิตสุดพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากชาเขียวทั่วไปยังไงบ้าง นอกจากนี้ เรายังได้เห็นถึงคุณประโยชน์มากมายที่ซ่อนอยู่ใน “มัทฉะลาเต้” ทั้งเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกาย การช่วยเพิ่มพลังงานและสมาธิแบบไม่กระวนกระวาย แถมยังเป็นตัวช่วยเล็ก ๆ ในเรื่องการเผาผลาญ การบำรุงหัวใจ และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย

    แต่แน่นอน! ทุกอย่างต้องมีสมดุล เราได้เรียนรู้ถึงข้อควรระวังต่าง ๆ ทั้งเรื่องปริมาณคาเฟอีน น้ำตาลแฝง สารปนเปื้อน และปฏิกิริยากับยา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเอง

    หัวใจสำคัญของการดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ดีที่สุด คือ การดื่มอย่างมีสติและเลือกส่วนผสมที่ดีที่สุด ลองใส่ใจตั้งแต่การเลือกผง “มัทฉะ” ที่มีคุณภาพ ไปจนถึงการเลือกประเภทนมที่เหมาะสมอย่างนมพืชต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดคือการลดปริมาณน้ำตาลลง หรือไม่เติมเลยก็จะดีที่สุด!

    เมื่อเพื่อน ๆ รู้เคล็ดลับเหล่านี้แล้ว การดื่ม “มัทฉะลาเต้” ของเพื่อน ๆ จะไม่ใช่แค่การดื่มเครื่องดื่มอร่อย ๆ แก้วหนึ่งอีกต่อไป แต่จะเป็นการดื่มที่เต็มไปด้วยคุณค่า ดีต่อสุขภาพ และดีต่อใจคุณในทุก ๆ วัน! ลองปรับเปลี่ยนดูนะ แล้วเพื่อน ๆ จะตกหลุมรัก “มัทฉะลาเต้” แบบเวอร์ชั่นที่ดีต่อสุขภาพของเพื่อน ๆ อย่างแน่นอน!

    ไม่จำเป็นต้องหวานเสมอไป! จริง ๆ แล้ว มัทฉะลาเต้แบบดั้งเดิมจะเน้นรสชาติธรรมชาติของมัทฉะ ที่มีความอูมามิ หอมชา และอาจมีรสขมติดปลายลิ้นเล็กน้อย ส่วนความหอมมันจะมาจากนมที่ใช้ผสม ซึ่งถ้าเป็นนมพืชบางชนิดก็จะมีรสหวานอ่อน ๆ ตามธรรมชาติอยู่แล้ว

    เน้นรสชาติมัทฉะ มัทฉะลาเต้ต้องการให้คุณได้ลิ้มรสและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมัทฉะ และความหอมมันของนมที่เข้ากัน การใส่กาแฟลงไปจะทำให้รสชาติของกาแฟไปกลบรสชาติของมัทฉะ จนไม่สามารถสัมผัสรสชาติชาแท้ ๆ ได้

    ถ้าอยากลองผสมทั้งมัทฉะ และกาแฟเข้าด้วยกัน เครื่องดื่มนั้นมักจะเรียกว่า “มัทฉะ เอสเพรสโซ่” (Matcha Espresso) หรือบางร้านอาจเรียกเป็นเมนูเฉพาะของตัวเอง เช่น “Dirty Matcha” (ดัดแปลงจาก Dirty Coffee) โดยจะช็อตกาแฟเอสเพรสโซ่ไปผสมกับมัทฉะลาเต้

    ส่วนประกอบหลัก ๆ ของ “มัทฉะลาเต้” ก็คือ ผงมัทฉะ หัวใจสำคัญของเครื่องดื่มนี้ ซึ่งเป็นผงชาเขียวที่บดจากใบชาที่ปลูกและผลิตด้วยวิธีเฉพาะ น้ำร้อน ใช้สำหรับละลายผงมัทฉะในตอนแรก ให้มัทฉะแตกตัวและเข้ากันดี นมอาจจะเป็นนมสด (นมวัว) หรือนมพืช (เช่น นมโอ๊ต, นมอัลมอนด์, นมถั่วเหลือง) ซึ่งนมพืชมักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพื่อรสชาติและประโยชน์สูงสุด สารให้ความหวาน (ไม่บังคับ) เช่น น้ำเชื่อม น้ำตาล หรือสารให้ความหวานอื่น ๆ ตามชอบ

    มัทฉะลาเต้ คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรสชาติเข้มข้น หอมเป็นเอกลักษณ์ของ “มัทฉะ” ผงชาเขียวญี่ปุ่นคุณภาพสูง กับความนุ่มละมุน หอมมันของ “นม” มีรสชาติที่ กลมกล่อม ซับซ้อน หอมกลิ่นชาเขียวญี่ปุ่นแท้ๆ มีความอูมามิ นุ่มละมุนจากนม และสดชื่นหลังดื่ม ! มันคือประสบการณ์การดื่มที่ผ่อนคลาย แต่ก็ยังคงความตื่นตัวแบบสบาย ๆ ไว้ด้วย

    สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งจำหน่ายผงมัทฉะ คุณภาพดีโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นคอชาที่อยากชง “มัทฉะลาเต้” หรือเมนูมัทฉะสุดฟิน หรือผู้ประกอบการร้านเครื่องดื่ม ร้านกาแฟ ร้านชาไข่มุก ที่ต้องการผงมัทฉะ เกรดพรีเมียม เพื่อยกระดับเมนูของเพื่อน ๆ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น Momo Matcha เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ

    Momo Matcha คือโรงงานที่จำหน่ายผงมัทฉะแท้คุณภาพเยี่ยม มีให้เลือกทั้ง “ผงมัทฉะ” และ “ผงอุจิมัทฉะ” ซึ่งแต่ละตัวก็ให้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ต่างกันไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของเพื่อน ๆ ที่นี่คัดสรรใบชาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง นำมาผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ทำให้ได้ผงมัทฉะ เนื้อเนียนละเอียด ชงง่าย ละลายไวสุด ๆ เหมาะสำหรับนำไปชงดื่มทำมัทฉะลาเต้, ทำเบเกอรี่, ทำอาหารเสริม รวมถึงสำหรับธุรกิจที่ต้องการนำไปเป็นส่วนผสมในการผลิตสินค้าต่าง ๆ

    นอกจากผลิตภัณฑ์ “มัทฉะ” คุณภาพสูงแล้ว ทาง Momo Matcha ยังมีผลิตภัณฑ์ผงเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้เลือกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผงโกโก้ และผงดาร์กโกโก้ ซึ่งเป็นทางเลือกเพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยมสำหรับร้านค้าที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพดีหลากหลายประเภท สิ่งที่ทำให้ Momo Matcha พิเศษกว่าใครคือ ที่นี่มีบริการทั้งราคาปลีก และราคาส่งพิเศษ สำหรับธุรกิจต่าง ๆ และที่น่าสนใจสุด ๆ คือ สำหรับผู้ที่สั่งซื้อครบ 60 กิโลกรัม ยังมีบริการรับออกแบบโลโก้และทำฉลากสินค้าให้ฟรี! พร้อมเรทราคาพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการสั่งซื้อในปริมาณมาก ๆ อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้เพื่อน ๆ ได้อย่างมาก และทำให้เพื่อน ๆ มีสินค้าในนามแบรนด์ของตัวเองพร้อมจำหน่ายได้ทันที บอกเลยว่าครบวงจรสุด ๆ!

    ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหา “มัทฉะ” คุณภาพสำหรับตัวเอง หรืออยากให้ธุรกิจของตัวเองเติบโตด้วยวัตถุดิบชั้นดี อย่าลืมลองพิจารณา Momo Matcha นะ!

    มัทฉะลาเต้ คือ มาทำความเข้าใจประโยชน์ โทษ วิธีเลือกผงมัทฉะ และเหตุผลที่ควรใช้นมพืช เพื่อสุขภาพที่ดีและการดื่มที่ฟินกว่าเดิม

    ช่องทางการติดต่อและสั่งซื้อ :

    shopee momo คลิก
    lazada momo คลิก