เพื่อน ๆ! ช่วงนี้ไปที่ไหนก็เห็น “มัทฉะลาเต้” เต็มไปหมดเลยใช่มั้ย? ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ไหน ร้านกาแฟดัง ๆ หรือแม้แต่ในห้างสรรพสินค้าเมนูนี้ก็ฮิตติดลมบนสุด ๆ ด้วยสีเขียวมรกตสวย ๆ กับรสชาติที่ทั้งนุ่มนวล หอมมัน แถมยังได้กลิ่นอายชาเขียวแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ หลายคนก็ติดใจกันงอมแงม แต่เคยสงสัยกันไหมว่า แล้ว “มัทฉะลาเต้ คือ” อะไรกันแน่? มันต่างจากชาเขียวนมที่เราคุ้นเคยยังไง? แล้วที่ดื่ม ๆ กันอยู่ มันดีกับสุขภาพเราจริงไหม? หรือมีอะไรที่เราต้องระวังบ้างรึเปล่า?
- มัทฉะลาเต้ คือ?
- มัทฉะลาเต้ vs ชาเขียวนม ต่างกันยังไง?
- ประเภทของมัทฉะที่ควรรู้ เลือกให้ถูก มัทฉะลาเต้ของคุณจะฟินกว่าเดิม!
- “มัทฉะลาเต้” มีประโยชน์อะไรบ้าง?
- โทษและข้อควรระวังในการดื่ม “มัทฉะลาเต้”
- ทำไม “มัทฉะลาเต้” จึงไม่ควรใช้นมวัวผสมลงไป?
- 3 สูตรมัทฉะลาเต้ ทำเองได้ง่าย ๆ อร่อยฟินทุกแก้ว!
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “มัทฉะลาเต้” (FAQ)
- Momo Matcha ผงมัทฉะคุณภาพ ราคาทั้งปลีกและส่ง สำหรับคนรักชาและธุรกิจ!
วันนี้อยากจะบอกให้ฟังแบบหมดเปลือกเลยว่า “มัทฉะลาเต้ คือ” ตั้งแต่ต้นกำเนิด ประโยชน์ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ไปจนถึงข้อควรระวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถ้าเรารู้ไว้ก่อน จะช่วยให้การดื่มมัทฉะลาเต้ของเราฟินขึ้นไปอีกขั้น แถมยังดีต่อสุขภาพแบบสุด ๆ ด้วย รับรองว่าอ่านจบแล้ว เพื่อน ๆ จะเข้าใจมัทฉะลาเต้แบบทะลุปรุโปร่งเหมือนมีบาริสต้าประจำตัวมานั่งอธิบายให้ฟังเองเลย! เตรียมแก้ว “มัทฉะลาเต้” ของเพื่อน ๆ ให้พร้อม แล้วมาลุยกันเลย!
มัทฉะลาเต้ คือ?
หลังจากที่เราเกริ่นกันไปแล้วว่า “มัทฉะลาเต้ คือ” ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันเลยว่า เครื่องดื่มสีเขียวสุดโปรดแก้วนี้มันมีที่มาที่ไปและส่วนประกอบอะไรบ้าง? ทำไมมันถึงได้พิเศษไม่เหมือนใคร!

ก่อนจะไปถึง “มัทฉะลาเต้” เราต้องมาทำความเข้าใจหัวใจสำคัญของมันก่อน นั่นก็คือ “มัทฉะ (Matcha)” หลายคนอาจจะคิดว่า “มัทฉะ” ก็คือชาเขียวทั่วไป แต่มัทฉะไม่เหมือนชาเขียวที่เราเอามาชงดื่มเป็นถุง ๆ หรือชาเขียวผงสำเร็จรูปทั่ว ๆ ไปนะ มัทฉะเป็นชาเขียวที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษตั้งแต่การปลูกเลย
มัทฉะ คือ?

- ที่มา : “มัทฉะ” มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น เป็นชาที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมการชงชาแบบญี่ปุ่นมาหลายร้อยปี ซึ่งเป็นพิธีที่มีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมาก ๆ
- กระบวนการผลิต : ความพิเศษของ “มัทฉะ” อยู่ที่กระบวนการผลิต โดยก่อนเก็บเกี่ยวใบชาประมาณ 20-30 วัน ต้นชาจะถูกคลุมด้วยผ้าใบหรือตาข่ายเพื่อพรางแสงแดด การทำแบบนี้จะช่วยให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์ได้มากขึ้น ทำให้ใบชามีสีเขียวสดสวยและมีสารอาหารเยอะขึ้น แถมยังช่วยให้รสชาติชาอ่อนโยน ไม่ฝาดอีกด้วย พอเก็บเกี่ยวเสร็จ ก็จะนำใบชามานึ่ง อบแห้ง และนำก้านกับเส้นใยออก เหลือแต่เนื้อใบชาล้วน ๆ จากนั้นก็นำมาบดด้วยโม่หินอย่างช้า ๆ จนได้ผงชาที่ละเอียดมาก ๆ เป็นผงสีเขียวสดที่เราเรียกว่า “มัทฉะ” นี่คือความแตกต่างที่ทำให้ “มัทฉะ” พิเศษกว่าชาเขียวทั่วไป เพราะเราดื่มเข้าไปทั้งใบ ไม่ใช่แค่ดื่มน้ำชาที่ชงจากใบเหมือนชาเขียวแบบอื่น
ส่วนประกอบของ “มัทฉะลาเต้”
เมื่อเราได้ผง “มัทฉะ” คุณภาพดีมาแล้ว การจะกลายเป็น “มัทฉะลาเต้” ที่เราคุ้นเคยก็ง่ายนิดเดียว หลัก ๆ แล้ว” มัทฉะลาเต้” ก็คือการนำผง “มัทฉะ” มาชงกับน้ำร้อนเล็กน้อยให้ละลายเข้ากันดี แล้วค่อยนำไปผสมกับ “นม”

- นมสด : ส่วนใหญ่ที่เราเห็นตามร้านคาเฟ่ก็มักจะใช้นมสด เพราะนมสดจะให้ความหอมมัน นุ่มละมุน ทำให้รสชาติของ “มัทฉะ” กลมกล่อมลงตัว
- นมพืช : แต่เดี๋ยวนี้ที่ฮิตกันมากก็คือการใช้นมทางเลือกอย่างนมโอ๊ต, นมอัลมอนด์, นมถั่วเหลือง หรือแม้แต่นมมะพร้าว การใช้นมพืชไม่ได้แค่ตอบโจทย์คนแพ้นมวัวนะ แต่ยังช่วยดึงรสชาติเฉพาะตัวของ “มัทฉะ” ออกมาได้ดีกว่าด้วย เพราะนมพืชบางชนิดไม่มีกลิ่นและรสชาติที่ไปกลบรสชาติดั้งเดิมของ “มัทฉะ” แถมยังให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไปอีกด้วย
“มัทฉะลาเต้ คือ” การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างชาเขียวผงพรีเมียมอย่าง “มัทฉะ” กับนมหลากหลายชนิด ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์การดื่มที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ให้เรานั่นเอง! แล้วสงสัยไหมว่า “มัทฉะลาเต้” กับชาเขียวนมทั่วไปมันต่างกันยังไง? เดี๋ยวหัวข้อหน้าจะมาเฉลยให้ฟังแบบชัด ๆ เลย!
มัทฉะลาเต้ vs ชาเขียวนม ต่างกันยังไง?
หลายคนอาจจะสับสนว่า “มัทฉะลาเต้ คือ” และมันต่างจากชาเขียวนมที่เราคุ้นเคยยังไงนะ? มาดูตารางเปรียบเทียบนี้ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลย!
| คุณสมบัติ | มัทฉะลาเต้ (Matcha Latte) | ชาเขียวนมทั่วไป (Green Tea Latte / Green Tea Milk) |
| แหล่งที่มา | มัทฉะ (Matcha) ชาเขียวคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น | ผงชาเขียวทั่วไป, ชาเขียวผงปรุงสำเร็จ, หรือใบชาเขียวบด |
| กระบวนการผลิตผงชา | ปลูกโดยคลุมแสง เพื่อให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์และกรดอะมิโนมากขึ้น -> นึ่ง อบแห้ง และบดทั้งใบ ด้วยโม่หินจนเป็นผงละเอียดมาก | ปลูกกลางแจ้งทั่วไป -> อบแห้ง -> อาจมีการบด หรือเป็นชาเขียวที่ผ่านการสกัดแล้วนำมาทำเป็นผง |
| ส่วนที่ใช้ดื่ม | ดื่ม “ทั้งใบ” ของชาที่บดเป็นผงละเอียด | ดื่ม “น้ำชา” ที่ชงจากใบชา หรือผงชาที่ละลายน้ำ (อาจมีกากเหลือ) |
| สี | เขียวสดจัดจ้าน เขียวมรกต (ขึ้นอยู่กับเกรด) | เขียวตุ่น, เขียวอมเหลือง, หรือเขียวซีดกว่า (ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณสารปรุงแต่ง) |
| กลิ่นและรสชาติ | หอมกลิ่นชาเขียวแท้ ๆ มีรสชาติอูมามิ (Umami) นุ่มนวล ละมุน อาจมีรสหวานธรรมชาติ และขมปลายลิ้นน้อยมากถ้าคุณภาพดี | กลิ่นชาเขียวทั่วไป รสชาติอาจอ่อนกว่า หรือมีรสขมฝาดชัดเจนกว่า บางครั้งมีกลิ่นปรุงแต่ง |
| เนื้อสัมผัส | เนื้อเนียนละเอียด เมื่อชงจะละลายเข้ากันดี (ไม่มีกาก) | อาจมีเนื้อหยาบกว่า หรือมีกากชาเล็กน้อย |
| คุณค่าทางโภชนาการ | สารต้านอนุมูลอิสระ (EGCG) สูงมาก, L-Theanine สูง, วิตามินและแร่ธาตุสูง | มีสารต้านอนุมูลอิสระน้อยกว่ามัทฉะ เพราะไม่ได้ดื่มทั้งใบ และอาจมีน้ำตาลสูงหากเป็นผงสำเร็จรูป |
| ราคา | โดยทั่วไปมีราคาสูงกว่า | โดยทั่วไปมีราคาถูกกว่า |
| วัตถุประสงค์หลัก | เน้นการดื่มด่ำรสชาติแท้ ๆ ของชา หรือเป็นส่วนผสมหลักในเมนูที่ต้องการรสชาติมัทฉะชัดเจน | เครื่องดื่มทั่วไป เน้นความสดชื่น หรือเป็นส่วนผสมที่ให้สีเขียวและกลิ่นชาเขียวเบื้องต้น |
เห็นตารางนี้แล้วพอจะเข้าใจความแตกต่างของ “มัทฉะลาเต้” กับชาเขียวนมทั่วไปได้ชัดเจนขึ้นแล้วใช่ไหม! การที่ “มัทฉะลาเต้ คือ” เครื่องดื่มที่ใช้ผงมัทฉะแท้ ๆ ที่ทำให้มันมีคุณสมบัติพิเศษและแตกต่างจากเครื่องดื่มชาเขียวนมอื่น ๆ !
ประเภทของมัทฉะที่ควรรู้ เลือกให้ถูก มัทฉะลาเต้ของคุณจะฟินกว่าเดิม!
หลังจากที่เราพอจะรู้แล้วว่ามัทฉะลาเต้ คือ และความแตกต่างระหว่างมัทฉะกับชาเขียวนมทั่วไปเป็นยังไง ทีนี้มาดูกันต่อเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ “เกรดของมัทฉะ” เพราะมัทฉะไม่ได้มีแค่แบบเดียว แล้วแต่ละแบบมันก็เหมาะกับการเอาไปทำอะไรไม่เหมือนกันเลยนะ ถ้าเลือกใช้ถูกประเภท รับรองว่า “มัทฉะลาเต้” หรือเมนูมัทฉะอื่น ๆ ของเพื่อน ๆ จะอร่อยขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวเลย
1. มัทฉะเกรดพิธีชงชา (Ceremonial Grade Matcha)
นี่คือ “มัทฉะ” ที่ถือว่ามีคุณภาพดีที่สุด เป็นมัทฉะที่ใช้ในพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า “Chanoyu” ซึ่งเป็นพิธีที่มีความละเอียดอ่อนและต้องการชาที่บริสุทธิ์ที่สุด
- ที่มาและการเก็บเกี่ยว : ทำมาจากยอดอ่อนของใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงแรกของฤดู (First Flush) ซึ่งเป็นช่วงที่ใบชามีสารอาหารครบถ้วนที่สุด และผ่านกระบวนการคลุมแสงที่เข้มงวดที่สุด
- สี : จะมีสีเขียวสดจัดจ้าน สว่างราวกับหยกหรือมรกต เพราะมีปริมาณคลอโรฟิลล์สูงมาก
- เนื้อสัมผัส : เนื้อผงจะละเอียดเนียนเหมือนแป้งฝุ่น ไม่มีก้อนเลยแม้แต่น้อย เมื่อตีกับน้ำร้อนแล้วจะได้ฟองละเอียดและเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม
- กลิ่นและรสชาติ : มีกลิ่นหอมละมุนแบบธรรมชาติ (Umami) ที่เป็นเอกลักษณ์ มีรสหวานอ่อนๆ และแทบไม่มีรสขมหรือฝาดเลย ทำให้ดื่มง่ายและสดชื่น
- เหมาะสำหรับ : ชงดื่มเปล่า ๆ กับน้ำร้อนเท่านั้น (แบบอุสุฉะ หรือโคอิฉะ) เพื่อลิ้มรสชาติและกลิ่นหอมอันบริสุทธิ์ของมัทฉะได้อย่างเต็มที่ ไม่แนะนำให้ผสมกับนมหรือน้ำตาลเยอะ เพราะจะกลบรสชาติพรีเมียมของมันไปหมด
2. มัทฉะเกรดพรีเมียม / เกรดดื่มทั่วไป (Premium Grade / Daily Grade Matcha)
เกรดนี้อยู่ตรงกลางระหว่าง Ceremonial และ Culinary บางทีอาจถูกเรียกว่า “Daily Grade” หรือ “Café Grade” ก็ได้
- ที่มาและการเก็บเกี่ยว : มักจะมาจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงหลังจากการเก็บเกี่ยวครั้งแรก หรืออาจเป็นส่วนผสมของใบชาจากรอบแรกและรอบที่สอง
- สี : สีเขียวจะเข้มขึ้นมาหน่อย อาจจะไม่สดจัดจ้านเท่าเกรด Ceremonial แต่ก็ยังคงความเขียวสวยงาม
- เนื้อสัมผัส : เนื้อผงยังคงละเอียดเนียนดี แต่บางครั้งอาจไม่เท่าเกรด Ceremonial
- กลิ่นและรสชาติ : มีกลิ่นหอมของมัทฉะที่ชัดเจน มีรสอูมามิที่ดี แต่ก็อาจมีความขมหรือฝาดอ่อนๆ บ้าง เหมาะสำหรับการผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ
- เหมาะสำหรับ : ชงดื่มในชีวิตประจำวันที่ต้องการคุณภาพที่ดี แต่ราคาไม่สูงเท่า Ceremonial Grade หรือ เหมาะกับการนำมาทำมัทฉะลาเต้ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ต้องการรสชาติมัทฉะที่โดดเด่น เพราะรสชาติจะยังคงเข้มข้นแม้จะผสมกับนมหรือส่วนผสมอื่น ๆ
3. มัทฉะเกรดสำหรับปรุงอาหาร (Culinary Grade Matcha)
นี่คือ “มัทฉะ” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ
- ที่มาและการเก็บเกี่ยว : มักจะมาจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงหลังๆ ของฤดู หรือเป็นใบชาที่แก่กว่า และอาจจะผ่านกระบวนการบดที่รวดเร็วกว่า
- สี : สีเขียวจะเข้มขึ้น ออกไปทางเขียวเข้ม เขียวหม่น หรืออาจมีสีอมเหลือง/น้ำตาลเล็กน้อย
- เนื้อสัมผัส : เนื้อผงอาจจะหยาบกว่าสองเกรดแรกเล็กน้อย บางครั้งอาจจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายกว่า
- กลิ่นและรสชาติ : มีกลิ่นหอมของมัทฉะที่ชัดเจน แต่รสชาติจะเข้มข้นกว่า และมักจะมีรสขมหรือฝาดที่เด่นชัดกว่าเกรดสูง ๆ
- เหมาะสำหรับ : ทำเบเกอรี่ (เค้ก, คุกกี้, มัฟฟิน), ไอศกรีม, สมูทตี้, มัทฉะลาเต้ ที่ต้องการความเข้มข้นของรสชาติ “มัทฉะ” ที่ไม่ถูกกลบด้วยส่วนผสมอื่น ๆ หรือเป็นส่วนผสมในการทำอาหารคาวบางชนิด เกรดนี้จะคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับจากการนำไปผสม
นอกจากเรื่องเกรดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกนะที่ส่งผลต่อคุณภาพของมัทฉะ ที่เราจะเอามาทำ “มัทฉะลาเต้” หรือเมนูโปรดอื่น ๆ
- แหล่งกำเนิด : มัทฉะที่ดีที่สุดส่วนใหญ่มักจะมาจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะแหล่งปลูกสำคัญอย่าง อุจิ, นิชิโอะ, ชิซูโอกะ หรือคาโงชิมะ การรู้แหล่งที่มาช่วยให้เรามั่นใจในคุณภาพได้ระดับหนึ่งเลย
- การเก็บเกี่ยว : มัทฉะที่เก็บเกี่ยวในรอบแรกของปี (First Flush) จะมีคุณภาพดีที่สุดครับ เพราะเป็นใบชาอ่อนที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีรสชาติละมุนที่สุด
- การเก็บรักษา : มัทฉะเป็นผงชาที่บอบบางมาก โดนแสง โดนความร้อน โดนอากาศ หรือโดนความชื้นไม่ได้เลย คุณภาพจะลดลงไวมาก ดังนั้นหลังเปิดซองแล้วควรรีบปิดให้สนิท เก็บในภาชนะทึบแสง และแช่ตู้เย็นไว้ จะช่วยคงคุณภาพและรสชาติของมัทฉะไว้ได้นานขึ้น ทำให้มัทฉะลาเต้ของเพื่อน ๆ อร่อยเหมือนเดิมทุกแก้ว
การเลือกมัทฉะให้ถูกเกรดและรู้จักปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพ จะช่วยให้คุณได้ประสบการณ์การดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ยอดเยี่ยมที่สุด เหมือนมีบาริสต้าส่วนตัวมาชงให้เลยนะ!
“มัทฉะลาเต้“ มีประโยชน์อะไรบ้าง?
เอาล่ะเพื่อนๆ! หลังจากที่เราเข้าใจกันไปแล้วว่า มัทฉะลาเต้ คืออะไร และต้องเลือกมัทฉะแบบไหนถึงจะถูกใจ คราวนี้มาถึงส่วนที่หลายคนน่าจะอยากรู้ที่สุด นั่นก็คือ “ประโยชน์ของมัทฉะลาเต้” นั่นเอง! คือไม่ได้อร่อยอย่างเดียวนะ แต่เจ้าเครื่องดื่มสีเขียวแก้วนี้ยังซ่อนคุณประโยชน์ดีๆ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของเราแบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลย!

1. สารต้านอนุมูลอิสระสูง! ตัวช่วยปกป้องร่างกาย
รู้ไหมว่า “มัทฉะ” อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก ๆ โดยเฉพาะสารที่ชื่อว่า “EGCG (Epigallocatechin Gallate)” ซึ่งเป็นกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่พบมากในชาเขียว โดยเฉพาะในมัทฉะ!
- คุณสมบัติ : เจ้า EGCG เนี่ยเป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายเราจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายแก่เร็ว หรือเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้
- ประโยชน์ต่อร่างกาย : การที่เราดื่ม “มัทฉะลาเต้” ก็เหมือนเราเติมเกราะป้องกันให้ร่างกายทุกวัน ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังบางชนิด แถมยังช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วยนะ
2. เพิ่มพลังงานและสมาธิ ตื่นตัวแต่ไม่กระวนกระวาย
อันนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ “มัทฉะลาเต้” แตกต่างจากกาแฟมาก ๆ!
- บทบาทของ L-Theanine และคาเฟอีน : ใน “มัทฉะ” มีสารสำคัญสองตัวที่ทำงานร่วมกันได้อย่างน่าทึ่งคือ “คาเฟอีน” ที่ช่วยให้เราตื่นตัวมีพลังงาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า “L-Theanine” ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เราผ่อนคลายและมีสมาธิจดจ่อได้ดีขึ้น
- ประโยชน์ : ผลลัพธ์คือ จะรู้สึกสดชื่น มีพลังงานต่อเนื่อง ไม่ได้ตื่นตัวแบบใจสั่นหรือกระวนกระวายเหมือนดื่มกาแฟเยอะ ๆ แถมยังช่วยให้มีสมาธิทำงานหรือเรียนได้ดีขึ้นอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้สมาธิมาก ๆ เลย
3. ช่วยเรื่องการเผาผลาญ ตัวช่วยเล็ก ๆ ของคนรักสุขภาพ
สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยเรื่องการดูแลน้ำหนัก “มัทฉะลาเต้” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนะ
- ช่วยเพิ่ม Metabolism : งานวิจัยบางชิ้นบอกว่า สาร EGCG ในมัทฉะอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ประโยชน์ : แม้จะไม่ใช่ยาวิเศษที่ทำให้ผอมทันที แต่การดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ไม่เติมน้ำตาลหรือส่วนผสมอื่น ๆ เยอะเกินไป ก็เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพและน้ำหนักที่ดีได้
4. ดีต่อสุขภาพหัวใจ ดูแลจากภายในสู่ภายนอก
เรื่องหัวใจก็สำคัญนะ!
- บทบาทของสารอาหารบางชนิด : สารต้านอนุมูลอิสระและสารประกอบอื่น ๆ ใน “มัทฉะ” มีส่วนช่วยในการรักษาระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ประโยชน์ : การดื่ม “มัทฉะลาเต้” เป็นประจำ (ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่เติมน้ำตาลเยอะ) ถือเป็นการบำรุงหัวใจให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง
5. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่ป่วยง่าย
อยากมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อย ๆ ลองให้ “มัทฉะลาเต้” เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มประจำวันของเพื่อน ๆ ดูสิ!
- ภาพรวม : สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่อยู่ใน มัทฉะ ล้วนมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ทำให้เรามีภูมิต้านทานที่ดีขึ้นต่อโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
- ประโยชน์ : การดื่ม “มัทฉะลาเต้” เป็นประจำจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในสู่ภายนั่นเอง
เห็นไหมว่า “มัทฉะลาเต้” แก้วโปรดของเราไม่ได้มีดีแค่อร่อย แต่ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์ดี ๆ มากมายเลยนะ แต่เดี๋ยวก่อน! แม้จะมีประโยชน์เยอะแยะ แต่ก็มีข้อควรระวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราต้องรู้ด้วยนะ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าทำไม “มัทฉะลาเต้” บางทีก็ไม่ควรใช้นมวัวผสมลงไป? หัวข้อหน้าเราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กัน!
โทษและข้อควรระวังในการดื่ม “มัทฉะลาเต้“
เพื่อนๆ ครับ! เมื่อกี้เราคุยกันไปแล้วว่า มัทฉะลาเต้ มีประโยชน์เยอะแยะมากมายขนาดไหน แต่มันก็เหมือนเหรียญสองด้านนะ มีข้อดีก็ย่อมมีข้อที่เราต้องระวังด้วยเหมือนกัน เพื่อให้การดื่ม มัทฉะลาเต้ ของเราได้ประโยชน์เต็มที่และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เรามาดูข้อควรระวังเหล่านี้กันหน่อยดีกว่า รับรองว่ารู้ไว้ไม่เสียหายแน่นอน!

1. ปริมาณคาเฟอีน ตื่นเกินไปก็ไม่ดีนะ!
“มัทฉะ” มีสาร L-Theanine ที่ช่วยให้เราตื่นตัวแบบสงบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีคาเฟอีนเลยนะ!
- มากไปก็ส่งผลเสีย : ในมัทฉะมีคาเฟอีนอยู่พอสมควรเลย ยิ่งถ้าเป็นมัทฉะเกรดดี ๆ หรือชงแบบเข้มข้น ปริมาณคาเฟอีนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ถ้าเราดื่ม “มัทฉะลาเต้” ในปริมาณที่มากเกินไป หรือดื่มในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น ดื่มช่วงเย็น ๆ หรือก่อนนอน อาจจะทำให้เพื่อน ๆ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หรือบางคนอาจมีอาการใจสั่นได้เลยนะ
- คำแนะนำ : ลองสังเกตร่างกายตัวเองดู ว่ารับคาเฟอีนได้แค่ไหน แล้วค่อย ๆ ปรับปริมาณการดื่ม หรือหลีกเลี่ยงการดื่มในช่วงบ่ายคล้อยไปแล้ว เพื่อให้คืนนั้นเพื่อน ๆ หลับสบายนะ
2. น้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ แฝงมากับความอร่อย!
อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษเลย เพราะบางทีความอร่อยของ “มัทฉะลาเต้” ก็มาพร้อมกับสิ่งที่เราไม่ต้องการนี่แหละ
- แหล่งน้ำตาลแฝง : มัทฉะลาเต้ตามร้านค้าส่วนใหญ่มักจะมีการเติมน้ำเชื่อม นมข้นหวาน หรือผงชาเขียวสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมาแล้ว เพื่อเพิ่มความหวานและรสชาติให้ถูกปากคนทั่วไป ซึ่งน้ำตาลพวกนี้แหละครับคือตัวร้าย!
- ผลเสียต่อสุขภาพ : การได้รับน้ำตาลในปริมาณมากเกินไปเป็นประจำ อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน น้ำหนักขึ้น หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้
- คำแนะนำ : ถ้าคุณรักสุขภาพ แนะนำให้สั่ง “มัทฉะลาเต้” แบบไม่เติมน้ำตาล หรือขอลดปริมาณน้ำเชื่อมลง แล้วเลือกใช้ความหวานจากนม (เช่น นมโอ๊ตที่มีรสหวานตามธรรมชาติ) หรือหาสารให้ความหวานที่ไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดมาเติมเองจะดีกว่าเยอะเลย
3. สารปนเปื้อน (โลหะหนัก) เลือกแหล่งที่มาสำคัญนะ!
เรื่องนี้อาจจะฟังดูน่ากลัวนิดหน่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจ!
- โอกาสการปนเปื้อน : เนื่องจากใบชาดูดซับสารอาหารจากดิน บางครั้งหากแหล่งปลูกไม่ได้มาตรฐาน อาจมีโอกาสที่ “มัทฉะ” จะดูดซับโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว หรือแคดเมียม ที่ปนเปื้อนอยู่ในดินได้
- อันตราย : การได้รับโลหะหนักสะสมในร่างกายเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาวครับ
- วิธีการเลือกซื้อให้ปลอดภัย : ไม่ต้องกังวลไป! วิธีที่ดีที่สุดคือ เลือกซื้อผงมัทฉะจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน และมีการรับรองแหล่งที่มาที่ชัดเจน (เช่น มาจากญี่ปุ่นแท้ๆ) ที่สำคัญคือเลือกซื้อจากร้านที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบแล้ว จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า “มัทฉะ” ที่คุณดื่มนั้นปลอดภัยและไม่มีสารปนเปื้อนครับ
4. ปฏิกิริยากับยา ผู้ป่วยต้องปรึกษาแพทย์!
สำหรับใครที่กำลังทานยาบางชนิดอยู่ อันนี้เป็นข้อควรระวังที่สำคัญมาก ๆ เลยนะ!
- ผลกระทบ : สารบางอย่างในมัทฉะ อาจมีปฏิกิริยากับยาบางประเภท เช่น ยาที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิต ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของตับ
- คำแนะนำ : ถ้าคุณกำลังทานยาเป็นประจำ หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะดื่ม “มัทฉะลาเต้” หรือผลิตภัณฑ์จากมัทฉะอื่นๆ นะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
เห็นไหมว่าการดื่ม “มัทฉะลาเต้” ก็เหมือนกับอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ คือมีทั้งประโยชน์และข้อควรระวัง แต่ถ้าเราเข้าใจและดื่มอย่างมีสติ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพื่อน ๆ ก็สามารถสนุกกับการดื่ม “มัทฉะลาเต้” ได้อย่างเต็มที่และดีต่อสุขภาพแน่นอน!
ทำไม “มัทฉะลาเต้” จึงไม่ควรใช้นมวัวผสมลงไป?
เพื่อน ๆ ! เมื่อกี้เราพูดถึงข้อควรระวังเรื่องการเติมน้ำตาลใน “มัทฉะลาเต้” ไปแล้วใช่ไหม? ทีนี้มาถึงอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลย ที่คนรัก “มัทฉะ” ตัวจริงมักจะเลือกทำกัน นั่นก็คือ “การเลือกใช้นม” นั่นเอง! หลายคนอาจจะคิดว่านมวัวก็คงใช้ได้แหละ แต่จริง ๆ แล้วมันมีเหตุผลที่ว่าทำไมคนถึงแนะนำให้เลี่ยงนมวัวเมื่อชง “มัทฉะลาเต้” มาดูกันเลย!
1. ผลกระทบต่อรสชาติและกลิ่น รสชาติมัทฉะหายไปไหนหมด?
เรื่องแรกเลยคือ “รสชาติ” !

- กลบรสชาติมัทฉะ : นมวัว โดยเฉพาะนมสดทั่วไป มักจะมีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวที่ค่อนข้างแรง ซึ่งเจ้ากลิ่นและรสชาตินมวัวนี่แหละครับที่อาจจะไป “กลบ” รสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของ “มัทฉะ” ได้ คือแทนที่จะได้กลิ่นหอมแบบชาเขียวแท้ๆ อาจจะกลายเป็นกลิ่นนมนำไปซะงั้น
- มัทฉะเสียของ : คิดดูสิครับว่าเราลงทุนซื้อมัทฉะดีๆ มาตั้งแพง แต่พอนำมาชงกับนมวัวแล้วกลับไม่ได้สัมผัสรสชาติมัทฉะที่แท้จริง มันน่าเสียดายแย่เลยใช่ไหมล่ะ?
2. ผลต่อการดูดซึมสารอาหาร ประโยชน์หายไปไหนบ้าง?
นอกจากเรื่องรสชาติแล้ว ยังมีเรื่อง “สารอาหาร” ที่สำคัญไม่แพ้กันเลย!

- โปรตีนเคซีนกับ EGCG : งานวิจัยบางชิ้นเริ่มชี้ให้เห็นว่า “โปรตีนเคซีน (Casein)” ที่อยู่ในนมวัว อาจจะเข้าไปจับตัวกับ “สารต้านอนุมูลอิสระ EGCG” ทำให้ร่างกายเราดูดซึมสารดี ๆ อย่าง EGCG ไปใช้ได้น้อยลง
- ประโยชน์ที่ลดลง : นั่นหมายความว่า ถ้าเราดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ผสมนมวัว เพื่อน ๆ อาจจะได้รับประโยชน์ด้านสารต้านอนุมูลอิสระจากมัทฉะไปไม่เต็มที่เท่าที่ควรนั่นเองครับ คือเราดื่มมัทฉะเพื่อสุขภาพ แต่กลับได้ประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็น่าเสียดายเนอะ
3.ทางเลือกของนม นมพืชคือคำตอบ!
ไม่ต้องกังวลไป! โชคดีที่เรามีทางเลือกนมที่ดีกว่ามาก ๆ สำหรับการชง “มัทฉะลาเต้” นั่นก็คือ “นมพืช” ต่าง ๆ นี่แหละ!

- นมโอ๊ต (Oat Milk) : เป็นนมพืชที่ฮิตที่สุดในการชงลาเต้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม หอมมันคล้ายนมวัว แต่ไม่ไปกลบรสชาติมัทฉะ แถมยังให้ความหวานตามธรรมชาติเล็กน้อย ทำให้ “มัทฉะลาเต้” กลมกล่อมลงตัวสุด ๆ
- นมอัลมอนด์ (Almond Milk) : เป็นอีกตัวเลือกยอดนิยมที่ให้ความเบา ดื่มง่าย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวบาง ๆ ที่เข้ากันได้ดีกับมัทฉะ
- นมถั่วเหลือง (Soy Milk) : เป็นนมพืชคลาสสิกที่ให้โปรตีนสูงและมีเนื้อสัมผัสที่ดีในการทำลาเต้ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบกลิ่นถั่วเหลืองที่อาจจะเด่นขึ้นมานิดหน่อย
การเลือกใช้นมพืชเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้สัมผัสรสชาติ “มัทฉะ” ได้อย่างเต็มที่ และยังได้รับประโยชน์จากสารอาหารต่าง ๆ ใน “มัทฉะ” อย่างครบถ้วนด้วยนะครับ! ลองเปลี่ยนมาใช้นมพืชดูสิ แล้วเพื่อน ๆ จะรู้ว่า “มัทฉะลาเต้” ของเพื่อน ๆ อร่อยขึ้นได้อีกเยอะเลย!
3 สูตรมัทฉะลาเต้ ทำเองได้ง่าย ๆ อร่อยฟินทุกแก้ว!
มาดูกันเลยว่า “มัทฉะลาเต้” ในแบบต่าง ๆ ทำยังไงให้ได้รสชาติถูกใจ!
สูตรที่ 1 : มัทฉะลาเต้ร้อน

วิธีทำ :
- ร่อนผงมัทฉะ 3 กรัม ลงในถ้วยหรือชามสำหรับชงมัทฉะ (Matcha Bowl) เพื่อไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
- เติมน้ำร้อนลงไป 60 มิลลิลิตร
- ใช้แปรงชงชาไม้ไผ่ (Chasen) ตีมัทฉะในลักษณะ “M” หรือ “W” อย่างรวดเร็ว จนมัทฉะละลายเข้ากันดี ไม่มีก้อน และเกิดฟองละเอียดด้านบน
- อุ่นนมให้ร้อน (ไม่เดือดจัด) โดยอาจใช้เครื่องตีฟองนม หรืออุ่นในหม้อเล็ก ๆ
- เทนมที่อุ่นแล้วลงในแก้ว (สามารถตีฟองนมด้านบนเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม)
- ค่อย ๆ เทมัทฉะที่ชงไว้ลงไป
- เติมสารให้ความหวานตามชอบ คนให้เข้ากันพร้อมดื่ม!
สูตรที่ 2 : มัทฉะลาเต้เย็น

วิธีทำ :
- ร่อนผงมัทฉะ3 กรัม ลงในถ้วยหรือชามสำหรับชงมัทฉะ
- เติมน้ำร้อนลงไป 60 มิลลิลิตร
- ใช้แปรงชงชาไม้ไผ่ (Chasen) หรือเครื่องตีฟองนมไฟฟ้าขนาดเล็ก ตีมัทฉะให้ละลายเข้ากันดี ไม่มีก้อน และเกิดฟองละเอียด
- เติมสารให้ความหวานลงในมัทฉะที่ชงไว้ คนให้เข้ากัน (ถ้าใช้น้ำผึ้ง แนะนำให้ผสมตอนมัทฉะยังอุ่นอยู่เล็กน้อยเพื่อให้ละลายง่าย)
- เติมน้ำแข็งให้เต็มแก้วที่คุณจะใช้เสิร์ฟ
- เทนมเย็นลงไปจนเกือบเต็มแก้ว
- ค่อย ๆ เทมัทฉะที่ชงไว้ลงบนนม (จะเกิดเป็นชั้นสวยงาม)
- คนให้เข้ากันก่อนดื่มเพื่อความอร่อยที่ลงตัว
สูตรที่ 3 : มัทฉะลาเต้นมมะพร้าว

วิธีทำ
- ร่อนผงมัทฉะ3 กรัม ลงในถ้วย
- เติมน้ำร้อน 60 มิลลิลิตร ตีให้มัทฉะละลายเข้ากันดีจนเกิดฟองละเอียด
- เติมน้ำเชื่อมเมเปิล หรือน้ำผึ้งลงไป คนให้เข้ากัน
- ใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว เทนมมะพร้าวเย็นลงไป ตามด้วยมัทฉะที่ชงไว้
- คนให้เข้ากันก่อนดื่ม
เป็นยังไงบ้างเพื่อน ๆ! ตั้งแต่ต้นจนถึงตรงนี้ เราได้ทำความรู้จักกับ “มัทฉะลาเต้ คือ” แบบเจาะลึกกันไปทุกซอกทุกมุมเลยใช่ไหม? เราได้รู้แล้วว่า “มัทฉะ” นั้นเป็นชาเขียวที่มีที่มาและกระบวนการผลิตสุดพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากชาเขียวทั่วไปยังไงบ้าง นอกจากนี้ เรายังได้เห็นถึงคุณประโยชน์มากมายที่ซ่อนอยู่ใน “มัทฉะลาเต้” ทั้งเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกาย การช่วยเพิ่มพลังงานและสมาธิแบบไม่กระวนกระวาย แถมยังเป็นตัวช่วยเล็ก ๆ ในเรื่องการเผาผลาญ การบำรุงหัวใจ และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย
แต่แน่นอน! ทุกอย่างต้องมีสมดุล เราได้เรียนรู้ถึงข้อควรระวังต่าง ๆ ทั้งเรื่องปริมาณคาเฟอีน น้ำตาลแฝง สารปนเปื้อน และปฏิกิริยากับยา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเอง
หัวใจสำคัญของการดื่ม “มัทฉะลาเต้” ที่ดีที่สุด คือ การดื่มอย่างมีสติและเลือกส่วนผสมที่ดีที่สุด ลองใส่ใจตั้งแต่การเลือกผง “มัทฉะ” ที่มีคุณภาพ ไปจนถึงการเลือกประเภทนมที่เหมาะสมอย่างนมพืชต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดคือการลดปริมาณน้ำตาลลง หรือไม่เติมเลยก็จะดีที่สุด!
เมื่อเพื่อน ๆ รู้เคล็ดลับเหล่านี้แล้ว การดื่ม “มัทฉะลาเต้” ของเพื่อน ๆ จะไม่ใช่แค่การดื่มเครื่องดื่มอร่อย ๆ แก้วหนึ่งอีกต่อไป แต่จะเป็นการดื่มที่เต็มไปด้วยคุณค่า ดีต่อสุขภาพ และดีต่อใจคุณในทุก ๆ วัน! ลองปรับเปลี่ยนดูนะ แล้วเพื่อน ๆ จะตกหลุมรัก “มัทฉะลาเต้” แบบเวอร์ชั่นที่ดีต่อสุขภาพของเพื่อน ๆ อย่างแน่นอน!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “มัทฉะลาเต้” (FAQ)
- มัทฉะลาเต้ ต้องหวานไหม?
ไม่จำเป็นต้องหวานเสมอไป! จริง ๆ แล้ว มัทฉะลาเต้แบบดั้งเดิมจะเน้นรสชาติธรรมชาติของมัทฉะ ที่มีความอูมามิ หอมชา และอาจมีรสขมติดปลายลิ้นเล็กน้อย ส่วนความหอมมันจะมาจากนมที่ใช้ผสม ซึ่งถ้าเป็นนมพืชบางชนิดก็จะมีรสหวานอ่อน ๆ ตามธรรมชาติอยู่แล้ว
- ทำไมมัทฉะลาเต้ถึงไม่ใส่กาแฟ?
เน้นรสชาติมัทฉะ มัทฉะลาเต้ต้องการให้คุณได้ลิ้มรสและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมัทฉะ และความหอมมันของนมที่เข้ากัน การใส่กาแฟลงไปจะทำให้รสชาติของกาแฟไปกลบรสชาติของมัทฉะ จนไม่สามารถสัมผัสรสชาติชาแท้ ๆ ได้
- มัทฉะผสมกาแฟเรียกว่าอะไร?
ถ้าอยากลองผสมทั้งมัทฉะ และกาแฟเข้าด้วยกัน เครื่องดื่มนั้นมักจะเรียกว่า “มัทฉะ เอสเพรสโซ่” (Matcha Espresso) หรือบางร้านอาจเรียกเป็นเมนูเฉพาะของตัวเอง เช่น “Dirty Matcha” (ดัดแปลงจาก Dirty Coffee) โดยจะช็อตกาแฟเอสเพรสโซ่ไปผสมกับมัทฉะลาเต้
- มัทฉะลาเต้ ใส่อะไรบ้าง?
ส่วนประกอบหลัก ๆ ของ “มัทฉะลาเต้” ก็คือ ผงมัทฉะ หัวใจสำคัญของเครื่องดื่มนี้ ซึ่งเป็นผงชาเขียวที่บดจากใบชาที่ปลูกและผลิตด้วยวิธีเฉพาะ น้ำร้อน ใช้สำหรับละลายผงมัทฉะในตอนแรก ให้มัทฉะแตกตัวและเข้ากันดี นมอาจจะเป็นนมสด (นมวัว) หรือนมพืช (เช่น นมโอ๊ต, นมอัลมอนด์, นมถั่วเหลือง) ซึ่งนมพืชมักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพื่อรสชาติและประโยชน์สูงสุด สารให้ความหวาน (ไม่บังคับ) เช่น น้ำเชื่อม น้ำตาล หรือสารให้ความหวานอื่น ๆ ตามชอบ
- มัทฉะลาเต้รสชาติเป็นอย่างไร?
มัทฉะลาเต้ คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรสชาติเข้มข้น หอมเป็นเอกลักษณ์ของ “มัทฉะ” ผงชาเขียวญี่ปุ่นคุณภาพสูง กับความนุ่มละมุน หอมมันของ “นม” มีรสชาติที่ กลมกล่อม ซับซ้อน หอมกลิ่นชาเขียวญี่ปุ่นแท้ๆ มีความอูมามิ นุ่มละมุนจากนม และสดชื่นหลังดื่ม ! มันคือประสบการณ์การดื่มที่ผ่อนคลาย แต่ก็ยังคงความตื่นตัวแบบสบาย ๆ ไว้ด้วย
Momo Matcha ผงมัทฉะคุณภาพ ราคาทั้งปลีกและส่ง สำหรับคนรักชาและธุรกิจ!
สำหรับใครที่กำลังมองหาแหล่งจำหน่ายผงมัทฉะ คุณภาพดีโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นคอชาที่อยากชง “มัทฉะลาเต้” หรือเมนูมัทฉะสุดฟิน หรือผู้ประกอบการร้านเครื่องดื่ม ร้านกาแฟ ร้านชาไข่มุก ที่ต้องการผงมัทฉะ เกรดพรีเมียม เพื่อยกระดับเมนูของเพื่อน ๆ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น Momo Matcha เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ
Momo Matcha คือโรงงานที่จำหน่ายผงมัทฉะแท้คุณภาพเยี่ยม มีให้เลือกทั้ง “ผงมัทฉะ” และ “ผงอุจิมัทฉะ” ซึ่งแต่ละตัวก็ให้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ต่างกันไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของเพื่อน ๆ ที่นี่คัดสรรใบชาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง นำมาผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ทำให้ได้ผงมัทฉะ เนื้อเนียนละเอียด ชงง่าย ละลายไวสุด ๆ เหมาะสำหรับนำไปชงดื่มทำมัทฉะลาเต้, ทำเบเกอรี่, ทำอาหารเสริม รวมถึงสำหรับธุรกิจที่ต้องการนำไปเป็นส่วนผสมในการผลิตสินค้าต่าง ๆ
นอกจากผลิตภัณฑ์ “มัทฉะ” คุณภาพสูงแล้ว ทาง Momo Matcha ยังมีผลิตภัณฑ์ผงเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้เลือกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผงโกโก้ และผงดาร์กโกโก้ ซึ่งเป็นทางเลือกเพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยมสำหรับร้านค้าที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพดีหลากหลายประเภท สิ่งที่ทำให้ Momo Matcha พิเศษกว่าใครคือ ที่นี่มีบริการทั้งราคาปลีก และราคาส่งพิเศษ สำหรับธุรกิจต่าง ๆ และที่น่าสนใจสุด ๆ คือ สำหรับผู้ที่สั่งซื้อครบ 60 กิโลกรัม ยังมีบริการรับออกแบบโลโก้และทำฉลากสินค้าให้ฟรี! พร้อมเรทราคาพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการสั่งซื้อในปริมาณมาก ๆ อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้เพื่อน ๆ ได้อย่างมาก และทำให้เพื่อน ๆ มีสินค้าในนามแบรนด์ของตัวเองพร้อมจำหน่ายได้ทันที บอกเลยว่าครบวงจรสุด ๆ!
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหา “มัทฉะ” คุณภาพสำหรับตัวเอง หรืออยากให้ธุรกิจของตัวเองเติบโตด้วยวัตถุดิบชั้นดี อย่าลืมลองพิจารณา Momo Matcha นะ!

ช่องทางการติดต่อและสั่งซื้อ :
- TEL : 064-845-6698
- LINE : @MOMOMATCHA
- FACEBOOK FANPAGE : ผงมัทฉะ เกรดพรีเมี่ยม Momo Matcha
แหล่งข้อมูลอ้างอิง








