มัทฉะ vs กาแฟ เมนูเครื่องดื่มที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยสีสัน กลิ่นหอมและรสชาติที่ต่างกัน ทำให้ทั้ง 2 เมนูนี้เป็นเมนูขายดีในทุกร้านขายชากาแฟ แถมยังสามารถเลือกดื่มได้ทั้งเมนูร้อน เมนูเย็น รวมถึงการนำไปทำเป็นเมนูปั่น และต้องบอกก่อนเลยว่าทั้ง 2 เมนูนี้ถือว่าเป็นแหล่งคาเฟอีนยอดนิยมทั้งคู่ ดื่มแล้วสดชื่นแน่นอน
เมนูกาแฟนับว่ามีเมนูยอดนิยมให้ได้เลือกดื่มกันหลายเมนู อย่างอเมริกาโน่, ลาเต้, มอคค่า, คาปูชิโน่ และอื่น ๆ ที่มีรสชาติต่างกันออกไป ส่วนเมนูมัทฉะลาเต้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูตัวเลือกของคนไม่ชอบการดื่มกาแฟ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ในการช่วยให้คุณตื่นตัวระหว่างวันได้ไม่แพ้การดื่มกาแฟนั่นเอง แล้วกาแฟกับมัทฉะนั้น จะมีความต่างกันกันอย่างไร ? วันนี้ momomatcha เรามีคำตอบมาแบ่งกันกัน
อ่านเพิ่มเติม
- แจกสูตร 7 เมนูมัทฉะ สูตรชงมัทฉะทำง่าย หอมอร่อยทุกเมนู
- วิธีชงมัทฉะ ชงยังไง ? มัทฉะร้อน มัทฉะเย็น ชงที่บ้านง่าย ๆ
- ชาเขียวกับมัทฉะ สิ่งที่คุณควรรู้ พร้อมประโยชน์ต่อสุขภาพ
ความแตกต่างของ มัทฉะ vs กาแฟ
การเพาะปลูก
- กาแฟ : ผลผลิตจากการเพาะปลูกของเมล็ดกาแฟ ที่มีการปลูกในพื้นที่ทั่วไป สามารถปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดได้
- มัทฉะ : ผลผลิตจากต้นชา Camellia sinensis จะต้องเพาะปลูกในพื้นที่ร่ม ไม่ให้ใบชาโดนแสงแดด เพื่อเพิ่มคลอโรฟิลด์ให้ใบชามีสีเขียวเข้ม
สายพันธ์
- กาแฟ : มี 2 สายพันธุ์หลัก ๆ คือ Arabica และ Robusta
- มัทฉะ : มาจากใบชาชนิดเดียวกัน แต่จะแบ่งเกรดพิธีชงและเกรดปรุงอาหาร โดยความแตกต่างนั้นขึ้นอยู่กับการแปรรูปเป็นหลักมากกว่าแหล่งกำเนิดหรือพันธุ์ของใบชา
กระบวนการแปรรูป
- กาแฟ : นำเมล็ดกาแฟมาตากให้แหง กระเทาะเปลือกออก แล้วนำมาคั่วตามอุณหภูมิที่ต้องการ
- มัทฉะ : นำใบชามาอบไอน้ำและอบให้แห้ง แล้วนำมาบดด้วยเครื่องโม่จนได้ผงที่ละเอียด
ลักษณะและสี
- กาแฟ : เป็นเมล็ด แบ่งสีตามระดับการคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม
- มัทฉะ : เป็นผงบดละเอียด สีเขียว
ปริมาณคาเฟอีน
- กาแฟ : มีคาเฟอีนประมาณ 96 มก. ต่อถ้วย 8 ออนซ์
- มัทฉะ : มีคาเฟอีน 19–44 มก. ต่อกรัม เทียบเท่ากับ 38–88 มก. ต่อการเสิร์ฟ 2 ออนซ์ หากเตรียมตามวิธีมาตรฐาน
รสชาติ
- กาแฟ : มีรสออกเปรี้ยว
- มัทฉะ : มีรสออกขม เข้มข้น
วิธีการชง
- กาแฟ : ชงได้กับหลากอุปกรณ์ ทั้ง เครื่องชงกาแฟ, ถุงกรอง, หม้อต้มโมก้าพอท, แอโรเพรส และอุปกรณ์ชงกาแฟอื่น ๆ
- มัทฉะ : มีเซ็ตอุปกรณ์ชงมัทฉะเฉพาะตัว โดยจะมีแปรงชงมัทฉะที่ใช้ในการตีมัทฉะให้ละลาย
มัทฉะ vs กาแฟ ไม่ว่าจะเมนูไหน ๆ ก็สามารถที่จะเลือกดื่มกันได้ด้วยรสชาติที่คุณชื่นชอบ เพราะทั้ง 2 เมนูนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงการช่วยลดน้ำหนัก เนื่องจากคาเฟอีนมีผลต่อการเผาผลาญ ส่วนในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระ มัทฉะมีมากกว่าชาเขียวประมาณ 10 เท่า และในกาแฟไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระเลย
แม้ว่าทั้ง 2 เมนูนี้กาแฟและมัทฉะจะมีการปลดปล่อยคาเฟอีนเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 ก็มีความแตกต่างกันคือ คาเฟอีนในกาแฟ จะทำให้ผู้ดื่มรู้สึกตื่นตัวรวดเร็ว ภายใน 1-3 ชั่วโมง ในขณะที่คาเฟอีนในมัทฉะ จะให้พลังงานต่อเนื่องราว 4-6 ชั่วโมง แม้จะกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัวได้ช้ากว่า แต่ก็ทำให้ผู้ที่ดื่มรู้สึกตื่นตัวได้นาน เป็นการปลดปล่อยคาเฟอีนอย่างช้าๆ ไม่ถึงขั้นทำให้ใจสั่นได้นั่นเอง
สามารถเลือกดื่มกาแฟหรือมัทฉะก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล เพราะทั้ง 2 เมนูมีความอร่อยที่ไม่หมือนกัน ทั้งนี้ผู้ที่ป่วยมีโรคประจำตัว คุณแม่ตั้งครรภ์ อาจจะต้องศึกษาปริมาณในการดื่ม หรืออาจต้องหลีกเลี่ยงในการดื่มกาแฟและมัทฉะ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว
สำหรับใครที่ต้องการหาซื้อเมล็ดกาแฟในการชงกาแฟ บอกเลยว่าเมล็ดกาแฟเป็นวัตถุดิบที่หาซื้อได้ไม่ยาก มีกลิ่นหอม และรสชาติของกาแฟก็จะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับแบรนด์กาแฟนั้น ๆ ปัจจุบันนี้มีการแต่งกลิ่นเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่ม โดยแนะนำให้เลือกใช้กาแฟที่คั่วสดใหม่ ส่วนผงมัทฉะ ก็ควรเลือกใช้ผงมัทฉะจากญี่ปุ่นแท้ที่ไม่ผสมแป้ง เพราะจะช่วยชูรสชาติมัทฉะของคุณให้อร่อยเข้มข้นทุกแก้ว